สภาพัทยาอนุมัติงบฯ 336 ลบ. ลุยต่อโครงการมหากาพย์สนามฟุตบอลสนามกีฬาภาคตะวันออก ด้านนายกพัทยาลั่นเสร็จ 2ปี

เมืองพัทยา (12 ก.ย.2565) มีการจัดประชุมสภาเมืองพัทยาสมัยสามัญ สมัยที่สอง ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ.2565 โดยมี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม

ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ งามพเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา แถลงวาระเพื่อขอความเห็นชอบการขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมผูกพันในระยะเวลา 3 ปี เป็นจำนวนเงิน 336 ล้านบาท ต่อสภาเมืองพัทยา เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครง การสนามกีฬาภาคตะวันออก ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังพบว่าโครงการดังกล่าวประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องของสภาพที่ดิน แนวชั้นหินใต้ดิน และที่สำคัญกรณีผู้รับจ้างทิ้งงานจนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ เนื่องจากโครงการนี้ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานกว่า 14 ปี และปัจจุบันถูกปล่อยทิ้งร้าง ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามเป้าหมาย ขณะที่สังคมต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นโครงการมหากาพย์อีกโครงการหนึ่งที่มีการใช้งบประมาณสูงแต่ไม่สามารถใช้งานได้จริง

นายปรเมศวร์ ระบุด้วยว่าสำหรับโครงการก่อสร้างสนามกีฬาภาคตะวันออกเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อต้องการให้เมืองพัทยาเป็น Sport city โดยมีการของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเป็นงบผูกพัน 3 ระยะ ในงบประมาณรวม 700 กว่าล้านบาท เพื่อสร้างสนามกีฬาที่อัฒจรรย์ขนาด 20,000 ที่นั่ง พร้อมพรั่งด้วยศูนย์กีฬาต่างๆ ทั้งสระว่ายน้ำมาตรฐาน สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล สนามฝึกซ้อม และอื่นๆในพื้นที่รวมกว่า 254 ไร่ ในระยะแรกผู้รับจ้างสามารถทำให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในปี 2554 โดยเป็นการก่อสร้างอัฒจรรย์ขนาด 5,000 ที่นั่ง

แต่ต่อมาโครงการในระยะที่ 2 การก่อสร้างมีปัญหาในด้านภูมิศาสตร์ และปฐพีศาสตร์ กล่าวคือที่ตั้งโครงการอยู่ช่วงเนินเขา ขณะที่พื้นที่ด้านล่างเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ การก่อสร้างจึงต้องใช้เทคนิคพิเศษในงบประมาณมากขึ้นถึง 536 ล้านบาท โดยเมืองพัทยาทำข้อตกลงกับกองทัพบก ภาคที่ 1 ในการก่อสร้างอัฒจรรย์ฝั่งประธาน จนแล้วเสร็จในปี 2557

อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2559 คสช. ได้แต่งตั้งคณะบุคคลเข้ามาเป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา สภาเมืองพัทยาชุดนี้เข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างช่วงต้นปี 2560 ซึ่งพบว่าการก่อสร้างของทหารช่างมีความคืบหน้าในการก่อสร้างที่นั่งฝั่งอัฒจันทร์ของสนามฟุตบอลมาตรฐานตามแบบของการกีฬาแห่งประเทศ ขนาด 20,000 ที่นั่ง และโครงหลังคามีความคืบหน้าไป 70%

จากนั้นในช่วงเดือนกันยายน 2560 สภาเมืองพัทยาได้เปิดอภิปรายว่าจากการอนุมัติงบอุดหนุนไปให้โครงการนี้อีก 99 ล้านบาท พบว่าไม่มีความคืบหน้าและการจัดซื้ออุปกรณ์ก็มีราคาสูงเกินจริงหลายรายการ กระทั่งเมืองพัทยาได้ทำสัญญาจ้างเอกชนตามระบบ E-Bidding เข้ามาดำเนิน การก่อสร้างในระยะที่ 3 ด้วยงบประมาณอีก 398 ล้านบาท หรือต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ถึง 445 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายไปแล้ว 12 งวดเป็นเงิน 143.2 ล้านบาท ก่อนสุดท้ายผู้รับเหมาจะทิ้งงานไป เมืองพัทยาจึงต้องยึดเงินประกัน 19 ล้านบาท พร้อมค่าปรับอีก 80 ล้านบาท เงินล่วงหน้าอีก 38 ล้านบาทและกำลังฟ้องร้องในส่วนที่เหลืออีก 61 ล้านบาท ซึ่งเรื่องยังอยู่ในขบวนการของชั้นศาล

นายปรเมศวร์ กล่าวว่าเรื่องนี้ถือเป็นกระแสในสังคมอย่างมาก เนื่องจากโครงการนี้ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานนับสิบปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จึงได้ผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางเร่งรัดติดตามและผลักดันให้โครงการประสบผลสำเร็จโดยเร็ว แต่พบว่าการประมูลโครงการแบบ E-Bidding ถือเป็นปัญหาสำคัญ เพราะไม่สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีความสามารถ แต่จำเป็นต้องเลือกผู้รับเหมาที่ประมูลในราคาต่ำสุด ซึ่งสุดท้ายก็ทิ้งงาน อีกทั้งรัฐยังมีมาตรการเยียวยาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาอีก เรื่องนี้ถือเป็นโครงการสำคัญที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ด้วยคณะผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มาตรวจความคืบหน้าศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมื่อต้นปี 2562 และมีนโยบายจะผลักดันให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ในปี 2569

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายบริหารจึงเสนอของบประมาณผูกพัน 3 ปีในวงเงินจำนวน 336 ล้าน บาทจากสภาเมืองพัทยา เพื่อว่าจางผู้รับเหมาให้มาดำเนินการอย่างเร่งด่วน ด้วยมีแผนว่าจะต้องแล้วเสร็จในระยะ 2-3 ปีนี้

ทั้งนี้ในที่ประชุมสภาเมืองพัทยาสมาชิกหลายคนต่างลุกขึ้นอภิปรายถึงความล้มเหลวในเรื่องของการบริหารจัดการสัญญาว่าจ้าง เรื่องของการปรับปรุงทัศนียภาพ การคมนาคม รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ภายในอาคารที่ไม่มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล

แต่เพื่อประโยชน์ต่อการใช้งานและอนาคต จึงเห็นชอบอนุมัติงบประมาณผูกพัน 3 ปี ตามการเสนอโดยให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามและดูพื้นที่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งการดำเนินคดีกับผู้รับเหมารายเก่าที่ทิ้งงานและทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมไปด้วย.