+EECเศรษฐกิจ

เลขาฯ EEC เตรียมนัด “ทส-กรมเจ้าท่า- ธนารักษ์” หารือ หลังแผนพัฒนา Old Town นาเกลือ ไม่คืบ เหตุติดขัดข้อกฎหมาย

หลังจากที่คณะกรรมการบริหารงานแบบบูรณาการอำเภอ (กบอ.) เห็นชอบให้เมืองพัทยา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธ์ นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนควบคู่กับการเป็นตลาดอาหารทะเลชั้นนำของภาคตะวันออก โดยจะเชื่อมโยงกับการพัฒนาตามโครงการ NEO PATTAYA ของเมืองพัทยาเป็นโครงการนำร่องในเบื้องต้น ที่มีการร่วมทุนกับภาคเอกชน เพื่อขยายผลสู่การจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษในรูปแบบแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในพื้นที่ โดยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัยให้ชุมชน รวมถึงการบริหารจัดการดูแลสิ่งแวดล้อมและมลภาวะตามโมเดล BCG โดยจะแบ่งพื้นที่การดำเนินโครงการออกเป็น 3 โซน คือ 1.โซน Seaside พื้นที่ 3,417 ตารางเมตร 2.โซน Old Town Market บนพื้นที่ 1,330 ตารางเมตร และโซน 3.The Square บนพื้นที่ 2,401 ตารางเมตร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะ กรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-Eastern Economic Corridor) พร้อมคณะทำงาน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ หรือโครงการ Old Town นาเกลือ โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม

ในที่ประชุม คณะทำงานได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจพื้นที่ รวบรวมแผงร้านค้า ก่อนจะมีการจัดจ้าง บริษัท เอ-เซเว่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้ามา ดำเนินการวิเคราะห์และออกแบบผังแนวคิดพร้อมทบทวนผลการศึกษาและการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ดำเนินโครงการตามสัญญาเลขที่ EEC 018/2564 ลงนาม ณ วันที่ 28 มิ.ย.2564 และส่งมอบงานเมื่อวันที่ 15 ต.ค.2564 ทั้งนี้ยังได้มีการประกาศเชิญเอกชนเข้ารับฝังแผนการพัฒนาตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจร่วมลงทุนโครงการฯ

หลังจากนั้น เมืองพัทยาได้เสนอแนะให้เริ่มการพัฒนาโครงการปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเล ซึ่งใช้งบประมาณของเมืองพัทยาทั้งหมด 4,500,000 บาท ร่วมกันโดยเป็นแผนเดิมของเมืองพัทยาในโครงการ NEO Pattaya แต่ปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมาย กฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการ โดยให้มีการเพิ่มเติมอัตลักษณ์สถาปัตยกรรมชุมชน นากลือ ในการออกแบบอาคารและไม่ให้มีความสูงของอาคารเกิน 2 ชั้น ซึ่งจากมติสามารถสร้างอาคาร 3 ชั้นได้แต่ลดความสูงของชั้น 1 ลงเป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่มีกระจก ใช้พื้นที่เป็นตลาดชุมชน ชั้น 2 เป็นพื้นที่ร้านอาหารสามารถดูวิวทะเลได้ และชั้น 3 ใช้เป็นห้องจัดกิจกรรม

อีกทั้งโครงการยังติดกฎหมายของกรมเจ้าท่า รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินนอกพื้นที่ของกรมธนารักษ์

ทั้งนี้คณะกรรมการ EEC จะมีการประชุมหารือร่วมกับ 3 หน่วยงาน เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อตามเป้าที่กำหนดต่อไป