ธนารักษ์ชลบุรี เดินหน้าโครงการเปลี่ยนที่ประชุมเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ
ที่บริเวณโดมเทศบาลตำบลโป่ง เจ้าหน้าทีจากกรมธนารักษ์ชลบุรี ได้เดินหน้าจัดโครงการเปลี่ยนที่ประชุมเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆในพื้นที่อำเภอบางละมุง เข้าร่วมในการประชุมวันนี้
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมาได้เนื่องจากปัจจุบันนี้กฎหมายที่เกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ราชพัสดุเปลี่ยนแปลงไป มีการปรับเปลี่ยนการใช้กฎหมายกันไปตามการปรับปรุง ซึ่งล่าสุดกฎกระทรวงได้มีการประกาศกฎกระทรวงการเข้าใช้ที่ราชพัสดุใหม่ ปี 2563 จึงทำให้หลักเกณฑ์ในการขอใช้พื้นที่ รวมถึงการขอยกเลิกการใช้พื้นที่นั้นเปลี่ยนไป มาในวันนี้ทางกรมธนารักษ์ชลบุรี จึงได้มาทำการเสริมความรู้ในเรื่องของกฎกระทรวงการคลังล่าสุดในเรื่องของกาขอใช้ที่ราชพัสดุให้ท้องถิ่นต่างๆได้รับทราบ เพื่อที่จะได้ทำการขอใช้พื้นที่ราชพัสดุโดยไม่ผิดหลักเกณฑ์
ที่ราชพัสดุเป็นเพียงที่ดินประเภทหนึ่งของที่หลวงเท่านั้น โดยความหมาย ที่หลวง จะรวมถึงที่สาธารณะ ที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่พระคลังข้างที่ ที่ศาสนสมบัติ และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ รวมทั้ง ที่ป่าสงวนด้วยที่ดินจะเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าขึ้นทะเบียนแล้วหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าที่ดินแปลง นั้นมีองค์ประกอบครบตามความหมายของที่ราชพัสดุหรือไม่ หากองค์ประกอบครบถ้วนแม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ที่ราชพัสดุ ที่ดินแปลงนั้นก็เป็นที่ราชพัสดุตั้งแต่ต้น ที่ราชพัสดุ นอกจากที่ดิน แล้วยังมี อาคาร โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น ฯลฯ ที่ราชพัสดุเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีไว้เพื่อใช้ในราชการจะมีการนำไปจัดให้เช่าเพียงเล็กน้อย ซึ่งเรียกหน่วยงานที่ดูแลที่ราชพัสดุคือสำนักงานราชพัสดุจังหวัดหรือ สำนักงานธนารักษ์จังหวัด หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ว่า“ราชพัสดุ” และเข้าใจว่า ราชพัสดุก็คือผู้ดูแลพัสดุของหลวง อีกทั้งยังมีส่วนราชการบางส่วนมิได้ปกครองดูแลที่ราชพัสดุให้เป็นไปตามกฎระเบียบ หรือกฎหมายเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ เช่น 1. มิได้สำรวจที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุให้ครบถ้วน ทำให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน2. ใช้ประโยชน์ที่ดินมากเกินความจำเป็นซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่คุ้มค่าและเกิดปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ3. เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินก่อนได้รับอนุญาตจากรมธนารักษ์ โดยในวันนี้พบว่ามีในส่วนของหน่วยงานท้องถิ่นเข้าร่วมในการปรับปรุงข้อมูลความรู้กันเป็นจำนวนมาก