วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
+บริหารท้องถิ่น

ชาวพัทยาหนุนสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล พัทยาสาย 2 คาดเริ่มลงเสาปี67

ที่ ศูนย์ประชุมมหาไถ่ พัทยา นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมือง เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการศึกษาความเหมาะสมออกแบบและศึกษาผลกระ ทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยาในรูปแบบรถไฟฟ้า โดยมี นายพงศ์ทวี เลิศปัญญาวิทย์ ผู้จัดโครงการฯ ร่วมชี้แจง หน่วยงานภาครัฐ-เอกชนและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม

นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมือง กล่าวว่า เนื่องจากเมืองพัทยาเป็นเมืองหนึ่งที่มีศักยภาพในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันกำลังประสบปัญหาการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากการเจริญเติบโตของเมืองพัทยาพบว่าสาเหตุหลักของปัญหาการจราจรในเมืองพัทยา คือระบบขนส่งสาธารณะยังไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงพอ ส่งผลให้มีปริมาณการเดินทางด้วยยานพานะส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและเกิดมลพิษทางอากาศ ทำให้เมืองพัทยามีความจำเป็นในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับการเดินทางในเมืองพัทยาให้ครอบคลุมที่พักอาศัยและแหล่งกิจกรรมต่าง ๆในพื้นที่

ทั้งนี้ปัจจุบันเมืองพัทยามีจำนวนประชากรและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มจะเติบโตมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพสูง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเมืองพัทยาและเป็นการป้องกันปัญหาการจราจรในตัวเมืองพัทยาได้ในอนาคต และการดำเนินการต้องสอดคล้องกับหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไกลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา จะเป็นการจัดทำแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและโคร่งข่ายในเขตพื้นที่เมืองพัทยาและเชื่อมต่อกับพื้นที่โดยรอบ เพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพให้เกิดการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางด้านการคมนาคม เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและการออกแบบรายละเอียดของโครงการนำร่องของระบบขนส่งสาธารณะในรูปภาพรถไฟรางเบา หรือระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่นที่มีประสิทธิภาพ และศึกษาผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ด้าน นายพงศ์ทวี เลิศปัญญาวิทย์ ผู้จัดโครงการฯ กล่าวว่า สำหรับกาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 3 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาทางด้านวิศวกรรม ผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อนำข้อคิดเห็นและขอเสนอแนะที่ได้ไปแก้ไขเพิ่มเติมในรายงานการศึกษาให้มีความครบถ้วน และนำผลการศึกษาส่งให้เมืองพัทยา ทั้งนี้สำหรับการรับฟังความคิดเห็น 2 ครั้งที่ผ่านมาหลังจากได้มีการนำเสนอโครงการฯ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นตัวกับการดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณเมืองพัทยาในรูปแบบรถไฟฟ้า ระบบรถรางเบา หรือโมโนเรล ถึง 80 % ซึ่งก็มีประชาชนบ้างส่วนที่เกิดความกังวล ในเรื่องของพื้นที่การก่อสร้าง เนื่องจากถนนพัทยาสาย 2 มาความคับแคบ หากมีการก่อสร้างจะส่งผลกระทบกับการจราจรและอาจจะทำให้สภาพภูมิทัศน์ของเมืองพัทยาไม่สวยงาม ทางที่ปรึกษาก็ได้มีการนำขอคิดเห็นขอเสนอมาปรับปรุงแก้ไขจนออกมาเป็นรูปแบบที่นำมาเสนอในครั้งสุดท้ายนี้

โดยที่ผ่านมาทางที่ปรึกษาได้มีการนำเสนอรูปแบบรถไฟฟ้าแบบโมโนเรล โดยจะเป็นระบบเดียวกับที่มีการดำเนินการในกทม.ที่ดำเนินการในขณะนี้ทั้งสายสีชมพูและสายสีเหลือง แต่จะเล็กกว่า ซึ่งระบบโมโนเรลเป็นโครงสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่สูงกว่าระดับถนนเดิมแล้วแต่การกำหนด การก่อสร้างที่มีผลกระทบน้อย เพราะจะมีเพียงพื้นที่ก่อสร้างตอม่อ หรือ Pier ที่กว้างเพียง 1.8 เมตร และมีการนำมาประกอบเพื่อลดผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง ขณะที่งบการลงทุนก็น้อยกว่าระบบอื่น ที่สำคัญเหมาะกับพื้นที่ผิวถนนเดิมของเมืองพัทยาที่มีความกว้างเขตทางไม่มากนักส่วนการเลือกระบบโมโนเรล ซึ่งมองว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดนั้นเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยเส้นโครงการทางนำร่อง ถนนพัทยาสายสอง ด้วยถนนพัทยาสายสอง ไม่มีอาคารที่มีความสูงเกิน 4 ชั้นมาก ทำให้การยกระดับไม่จำเป็นต้องใช้ระดับความสูงซึ่งอาจส่งผลต่องบประมาณในการลงทุนทั้งสถานีจอดและทัศนียภาพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเส้นทางนี้อาจต้องมีการเวนคืนที่ดินบ้าง เช่น ริมถนนมอเตอร์เวย์ด้านทิศใต้เลียบรั้วตลอดแนวเพื่อไม่ให้ไปรบกวนเส้นทางหลัก จุดที่ 2 คือบริเวณหน้าห้าง Terminal 21 และ 3.บริเวณแยกทัพพระยา โดยตลอดเส้นทางจะมีจุดจอดรวม 13 จุด ส่วนแผนการดำเนินการหลังจากผ่านการรับฟังความคิดเห็นและผ่านกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อมไปแล้ว หลังจากนี้จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติโครงการฯ ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปี 2566-2567 และจะเปิดให้บริการในช่วงปี 2570 โดยมูลค่าการลงทุน รวม 26,000 ล้านบาท ในระยะเวลาสัมปทานรวม 30 ปี