สภ.เมืองพัทยานำร่อง อัพสกิลพัฒนาระบบวิเคราะห์อาชญากรรมแบบเรียลไทม์ผ่านโทรศัพท์มือถือ ตัวช่วยในการสืบสวนด้วย “นาฬิกาอาชญากรรมดิจิทัล”
ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 ในการให้บุคลากรในพื้นที่ตำรวจภูธร ภาค 2 นำเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนงานตำรวจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น AI Face Recognition หรือเทคโนโลยีจดจำใบหน้า สแกนหาบุคคลตามหมายจับ เฝ้าระวังอาชญากร เป็นต้น
ในเรื่องดังกล่าว พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รอง ผกก.(ป) สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานด้านงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมปัจจุบัน สภ.เมืองพัทยา ได้พัฒนาระบบวิเคราะห์อาชญากรรมแบบเรียลไทม์ แสดงผลผ่านโทรศัพท์มือถือ เชื่อมโยงข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างแม่นยำและทันเวลา หรือที่เรียกว่า “นาฬิกาอาชญากรรมดิจิทัล” ที่ใช้ในการวิเคราะห์วางแผน เพื่อให้สายตรวจไปตรวจตามจุดเสี่ยง จุดล่อแหลมต่างๆ ที่เหตุเคยเกิดขึ้น
จากเดิมจะใช้เป็นบอร์ดในการปักหมุดในการเกิดเหตุแต่ละเหตุ แต่ปัจจุบันสามารถนำหมุดเหตุแต่ละเหตุ เช่น คดีลักทรัพย์ เหตุทำร้ายร่างกาย เอามาอยู่ในระบบดิจิทัลได้แล้ว ซึ่งจะมีแพลตฟอร์มให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่กรอกข้อมูลรายระเอียดเหตุอาชญากรรม วัน เวลา สถานที่ ที่เกิดเหตุ และตำรวจผู้เกี่ยวข้องทุกนายสามารถรับทราบถึงข้อมูลอาชญากรรมต่างๆ ได้ในนาฬิกาอาชญากรรมดิจิทัล
พ.ต.ท.สิริวัฒน์ ได้ยกตัวอย่างของเทคโนโลยีดังกล่าวเช่น ที่ผ่านมาเกิดเหตุทำร้ายร่างกายบริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยากลาง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จากการใช้นาฬิกาอาชญากรรมดิจิทัล ในการวิเคราะห์และวางแผนสายตรวจ ได้จัดสายตรวจไปอยู่ป้องกันเหตุบริเวณชายหาดพัทยากลางช่วงเวลาที่เกิดเหตุมาก ๆ (เวลา 03.00 น. – 04.00 น.) ทำให้เหตุทำร้ายร่างกายบริเวณดังกล่าวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ก็นับว่าใช้ประโยชน์ได้จริง
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ถือเป็นตัวช่วยในการลดการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มองเห็นภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น รู้ว่าอาชญากรรมประเภทใดเกิดขึ้นเวลาไหน จะสามารถจัดชุดในการป้องกันเหตุไปอยู่ตามจุดต่างๆ ที่เหตุเกิดได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งสภ.เมืองพัทยา เป็นโรงพักแห่งแรกของตำรวจภูธรภาค 2 ที่นำระบบนี้มาใช้ในการวิเคราะห์อาชญากรรม เพื่อปรับแผนการตรวจป้องกันเหตุ และในอนาคตผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 มีดำริให้ขยายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคตะวันออก เพื่อจะได้มีมาตรฐานในการวิเคราะห์อาชญากรรมให้แม่นยำยิ่งขึ้น สมกับคำขวัญที่ว่า “เชื่อมั่น ศรัทธา มืออาชีพ”
พ.ต.ท.สิริวัฒน์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้างานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองพัทยา อยากจะให้นาฬิกาอาชญากรรมดิจิทัล ช่วยในงานสืบสวน สอบสวน ลดการทำคดีต่างๆ อย่างน้อยตนมีหน้าที่ในการป้องกันปราบปราม หากเหตุต่างๆ ลดลง 5 – 10% ก็ถือว่าตนประสบความสำเร็จแล้ว เพราะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานเพื่อประชาชน และเพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ