เครือข่ายเมาแล้วขับฉะเชิงเทราเรียกร้อง ผบ.ตร.ลงโทษวินัยสถานหนักรองสว.ป.สภ.วังคู เมาแล้วขับรถชนปชช.บาดเจ็บ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เป็นผู้รักษากฎหมายกลับทำผิด-สวนทางนโยบายรัฐบาล
ฉะเชิงเทรา (7 พฤษภาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตชัย กิตติคุณ ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับจังหวัดฉะเชิงเทรา เดินทางมาเรียกร้องขอให้ลงโทษทางวินัยสถานหนักข้าราชการตำรวจเมาแล้วขับ และได้ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา กรณีตามที่ปรากฏเป็นข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชื่อร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉิมานนท์วิทย์ รองสารวัตรปราบปราม สภ.วังคู จังหวัดฉะเชิงเทรา เมาสุราแล้วขับรถกระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างประชาชน ชื่อนางสาวสุรีย์นิภา จ้ำนอก อายุ 48 ปี จนได้รับอาการบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรวังคู จังหวัดฉะเชิงเทราช โดยผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ 79 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้พฤติกรรมของ ร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉิมานนท์วิทย์ นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ในฐานะผู้รักษากฎหมาย ร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉิมานนท์วิทย์ กลับกระทำผิดเสียเองโดยไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษทางกฎหมาย ที่สำคัญการเมาแล้วขับถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่มีบทลงโทษสูงคือจำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังเป็นการกระทำที่สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้ในการจัดการคนเมาแล้วขับไม่ให้ก่อความสูญเสียให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์บนท้องถนน
นายกิตชัย กิตติคุณ ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า พวกเราเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับบนท้องถนน จึงขอเรียกร้อง และได้มีหนังสือถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านมายังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ขอให้ลงโทษทางวินัยสถานหนักกับร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉิมานนท์วิทย์ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับข้าราชการตำรวจรายใดในประเทศ ที่ถืออภิสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเมาแล้วขับอย่างไรก็ได้เพราะเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเสียเอง
“ในนามของมูลนิธิเมาไม่ขับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการพิจารณาจากท่าน พร้อมทั้งมูลนิธิเมาไม่ขับ ขอยืนยันว่าไม่มีเหตุโกรธเคืองใดๆ เป็นส่วนตัวกับร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉิมานนท์วิทย์ แต่อยากให้กรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาเพื่อให้ข้าราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ยังมีพฤติกรรมเมาแล้วขับ ได้ลด ละ เลิกพฤติกรรมดังกล่าวเสีย ในฐานะข้าราชการที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชน ซึ่งผลการดำเนินการเป็นประการใด ขอความกรุณาแจ้งให้กับมูลนิธิเมาไม่ขับทราบด้วย จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง”