พ่อเมืองชลระดมสมองถกวิกฤตท่องเที่ยวพัทยาซบ
ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.222563 นายภัครธรณ์ เทียนชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมหารือสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง
นายภัครธรณ์ กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น พบว่าส่งผลกระ ทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเมืองพัทยา เนื่องจากเมืองพัทยามียอดจำนวนของนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาพักผ่อนสูงเป็นอันดับที่ 1 ดังนั้นจึงต้องบูรณาการร่วมทุกภาคส่วนในการหารือด้านความร่วมมือในการแก้ไขสถานการณ์และวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อให้ปัญหาคลี่คลายและย้อนกลับมามีความคึกคักเหมือนในอดีต
ด้านนางปิ่นนารถ เจริญผล ผอ.ททท.พัทยา กล่าวถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาว่าสำหรับตลาดต่างประเทศนั้นที่ผ่านมาประเทศจีนถือเป็นตลาดหลักของไทยเนื่องจากมีจำนวนนัก ท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนมากกว่า 10 ล้านคน/ปี ในจำนวนนี้มี 2.6 ล้านคนที่เดินทางมาพักผ่อนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตามหลังเกิดกรณีของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และทางรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกให้ประชากรเดินทางออกนอกประเทศและการนำเที่ยวทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้การท่องเที่ยวของเมืองพัทยาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากหรือเรียกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 95-100 % แม้จะยังมีนักท่องเที่ยวในกลุ่ม FIT อยู่บ้าง กรณีนี้รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจาก ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ยกเลิกการเดินทางไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากมีการประกาศเตือนห้ามประชากรของตนเองงดการเดิน ทางไปท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่อการติดโรค 6 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย ส่วนตลาดยุโรปและอเมริกา แม้จะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักแต่ก็ใกล้ช่วงหมดฤดูซัมเมอร์ที่จะทำให้ตลาดกลุ่มนี้หายไปในอีกไม่นานเช่นกัน ขณะที่ตลาดภายใน ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมาทดแทนก็หายไป แต่มีการเปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ อย่าง อำเภอสัตหีบ และบางแสน ซึ่งพบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนนายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี กล่าวว่าสำหรับเมืองพัทยาต้องมีมาตรการในการแก้ไขเร่งด่วนในหลายด้าน ที่สำคัญ คือการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อทดแทนในส่วนที่ขาดหาย การเยียวในส่วนของภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และสิ่งที่สำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั่วโลกได้เห็นว่าเมืองพัทยาปลอดภัย เนื่องจากปัจจุบันถือว่าในส่วนของผู้ประกอบการมีความเดือดร้อนหนักมาก โดยในส่วนที่รับตลาดแบบ Mix Market ก็ได้รับผลกระทบประมาณ 30-35 % ขณะที่กิจการที่รับทัวร์จีนเป็นหลักหลายแห่งถึงกับต้องปิดกิจการ ส่วนโรงแรมระดับใหญ่แม้จะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปแต่เมื่อหมดหน้าฤดูร้อนหรือจากหลังเดือนเมษายนนี้สถานการณ์ก็ต้องแย่ลง อย่างชมรมแหล่งท่องเที่ยวที่มีสมาชิกกว่า 54 แห่งนั้น ปัจจุบันปิดกิจการไปแล้ว 2 แห่ง หยุดชั่วคราว 1 แห่ง และใช้วิธีการพักงานพนักงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้คงต้องเกิดปัญหาในอนาคตแน่นอน
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นเมืองพัทยาคงจะมามุ่งหวังแต่ตลาดจีนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ คงต้องหาวิธีการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง ส่วนเมืองพัทยาในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็จะเร่งดำเนินการเสนอการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดภาวะวิกฤติเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศให้เดินทางมาพักผ่อนมากขึ้น อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการดูแลด้านความสะอาด มาตรฐานเสริมด้านความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอย่างจริงจังว่าจะสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
ทั้งนี้ ตัวแทนจากกรมสรรพากร ระบุว่าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ครม.จึงมีมติ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.มาตรการด้านสินเชื่อ ได้แก่ โครงการสินเชื่อ SME ประชารัฐสร้างไทย จากหลายธนาคาร ที่คิดดอกเบี้ย 2 ปีแรกเพียง 4% หรือดอกเบี้ยต่อปี 4 % สำหรับ SMEs วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท/ราย 2.มาตรการด้านการขยายเวลาชำระหนี้และค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีการขยายเวลาการชำระหนี้ให้ 2 เท่า การพักชำระหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวที่มีวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท การผักผ่อนชำระหนี้ ครั้งละไม่เกิน 12 เดือน และ 3.มาตรการด้านภาษี ที่จะขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่บุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด.90 และ 91 รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงกิจกรรมโรงแรม และการจัดอบรมสัมมนาในประเทศ เป็นต้น
สุดท้ายในที่ประชุมได้รวบรวมสภาพปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลสำคัญในการเสนอตรงต่อกระทรวงมหาดไทยและภาครัฐบาล เพื่อกำหนดเป็นมาตรการในการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา และเยียวยา ทั้งการจัดกิจกรรม การสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่ข่าวสารที่สร้างความประทับใจและเกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวในอนาคตที่ผู้ประกอบการและเมืองไทยร่วมกันแสดงออกถึงความห่วงใยนักท่องเที่ยวจีนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อปัญหาผ่อนคลายและสถานการณ์กับสู่ภาวะปกติคาดว่าเมืองพัทยาจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดิมแน่นอน.