ทร.แจงเหตุเพลิงไหม้”เรือหลวงคีรีรัฐ” บาดเจ็บ 14 ราย เหตุ”เรือหลวงชลบุรี”ทำกระปืน76มม.ลั่นใส่ ผบ.ทร.สั่งตั้งกก.สอบ ต้องรู้ผลใน 3 วัน
เมื่อเวลา 11.40 น. ของวันที่ 14 มี.ค.67 ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ เรือหลวงคีรีรัฐ ที่จอดเทียบท่า ภายในท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก่อนรีบประสานแจ้งงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลในพื้นที่ ระดมกำลังเข้าไปควบคุมสถานการณ์
ที่เกิดเหตุมี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของฐานทัพเรือสัตหีบ กำลังระดมฉีดน้ำเข้าไปในห้องภายในตัวเรือด้านกราบขวา โดยมีควันไฟพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ตัวเรือมีลักษณะเอียง โดยไม่ทราบมีกำลังพลเรือหลวงคีรีรัฐ ติดอยู่ภายในตัวเรือหรือไม่ โดยมีหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ประจำอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยหน่วยกู้ภัยและงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลในพื้นที่ ทุกหน่วยงาน ที่กำลังเข้าไปช่วยเหลือ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเรือห้ามเข้าไปช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ และให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมด โดยแจ้งว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งมีเพียงหน่วยดับเพลิงฐานทัพเรือสัตหีบ และ หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ อยู่ภายในที่เกิดเหตุ โดยยังไม่มีรายงานถึงความเสียหาย และสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ และ จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่มีรายงานข่าวว่ามีกำลังพลของเรือ ที่ได้รับบาดเจ็บ คาดว่าน่าจะ สำลักควันไฟ ประมาณ 8-10 นาย
ในเวลาต่อมา พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้ เรือหลวงคีรีรัฐ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.45 น. ของวันที่ 14 มี.ค.ขณะที่เรือหลวงคีรีรัฐกำลังจอดเทียบท่าอยู่ที่ บริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และกองทัพเรือสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยสาเหตุในเบื้องต้นพบว่ามาจากกระสุนปืนขนาด 76 มิลลิเมตร ของเรือหลวงชลบุรี ซึ่งเกิดการขัดข้องและติดค้างอยู่ในตัวปืนขณะทำการฝึกในทะเล เมื่อ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง เรือหลวงชลบุรี ได้ดำเนินการป้องกันอันตรายเบื้องต้น และแล่นเข้าจอดเทียบท่าเรือ และให้เจ้าหน้าที่ช่างปืนมาดำเนินการแก้ไขปัญหา แต่เกิดเหตุลั่นขณะดำเนินการแก้ไข จนทำให้เรือหลวงคีรีรัฐ ได้รับความเสียหาย บริเวณท้ายเรือเล็กน้อย แต่เรือยังคงมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 14 ราย ส่วนมากเกิดจากการสำลักควันไฟ โดยได้นำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในทันทีที่เกิดเหตุ และเฝ้าระวังอาการของผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ พลเรือเอกชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยต้นสังกัดและหน่วยเทคนิค เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยให้รายงานผลให้ทราบภายใน 3 วัน ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีความห่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ และได้เดินทางไปเยี่ยมติดตามอาการ ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลสิริกิติ์ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน
สำหรับเรือหลวงคีรีรัฐ หมายเลขข้างตัวเรือ 432 เป็นเรือฟริเกต รับใช้กองทัพเรือและประเทศชาติมาถึง 50 ปีแล้ว โดยสังกัด กองเรือฟริเกตที่ 1 หมวดเรือที่ 1 กองเรือยุทธการ เป็นเรือที่มีความสามารถในการรบทั้ง 3 มิติ ทางด้านอากาศ ผิวน้ำและใต้น้ำได้เป็นอย่างดี โดย ในปี พ.ศ.2512 ทร.ไทยได้สั่งต่อเรือจาก บริษัท Norfolk Shipbuilding & Drydock Corporration ประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 1 ลำ คือ ร.ล.ตาปี ต่อมาในปี พ.ศ.2514 ทร.ไทยได้สั่งต่อเพิ่มอีก 1 ลำ คือ ร.ล.คีรีรัฐ วางกระดูกงูเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2517 มีระวางขับน้ำเต็มที่ 1,138 ตัน เป็นเรือประเภทเรือฟริเกตตรวจการณ์ (Patrol Frigate) มีอาวุธประจำเรือ ประกอบด้วย ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76/62 Compact ขนาด 76 มม./62 คาลิเบอร์ , ปืนใหญ่กล Breda/Bofors Type 107 ขนาด 40 มม./70 คาลิเบอร์ ,ปืนใหญ่กล Rheinmetall Mk 20 DM6 ขนาด 20 มม./85 คาลิเบอร์ ,ปืนกล U.S. Ordnance M2HB ขนาด 12.7 มม. ,แท่นตอร์ปิโด Raytheon Mk 44 ,รางปล่อยระเบิดลึก Mk 9 สำหรับระเบิดลึก Mk 6 และ Mk 9