“บิ๊กโจ๊ก” คืนรถเหยื่อแก๊งดอกเบี้ยโหด มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจ ศปน.ภ.2 ได้จับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จํานวน 37 คัน และรถยนต์ จํานวน 69 คัน ซึ่งเป็นรถของกลางที่ได้มาจากการรับจํานํารถโดยผิดกฎหมาย ดําเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจํานําโดยไม่ได้รับอนุญาต”
กรณีดังกล่าวศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นําโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2/รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบ ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกําหนด และมีการสร้างความเดือดร้อน ให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลดําเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทําความผิดดังกล่าว
จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วนั้น เป็นหนึ่งในเครือข่าย เงินกู้ผิดกฎหมาย ซึ่งมี นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับบุคคลเกี่ยวข้อง และขยายผลเข้าตรวจค้น จํานวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง พิษณุโลก และ กาญจนบุรี จนสามารถจับกุม นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ หัวหน้าขบวนการ พร้อมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก 8 ราย โดยดําเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกําหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจํานําโดยไม่ได้รับอนุญาต” และสามารถตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมเป็นรถยนต์ จํานวน 23 คัน และรถจักรยานยนต์ จํานวน 43 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดกว่า 40 ล้านบาท
ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทลายเครือข่ายของ นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง ซึ่งปล่อยเงินกู้ในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งหมด รวมผู้ต้องหาในขบวนการทั้งหมด 9 ราย ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ซึ่งเป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องแบกรับภาระจ่ายดอกเบี้ยที่สูงมากและบางครั้งไม่สามารถติดตามรถคืนได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 พล.ต.ต.สุรจิต ชิงวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ดําเนินการคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางให้กับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง มีการทยอยส่งมอบคืนไปแล้วบางส่วน เป็นรถยนต์ 67 คัน และรถจักรยานยนต์ 39 คัน และมีการส่งคืนรถของกลางที่เหลือทั้งหมด เป็นรถยนต์จํานวน 25 คัน และรถจักรยานยนต์จํานวน 41 คัน เพื่อเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้หนี้นอกระบบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. กล่าวว่า การคืนรถของกลางซึ่งตรวจยึดจากแก๊งเงินกู้ในวันนี้ ถือเป็นความสําเร็จอีกครั้งหนึ่งในการปราบปรามแก๊งเงินกู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ได้ขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งขบวนการได้ครบทั้ง 9 คน ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน แก๊งนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัด วันนี้จึงได้นํารถของกลางทั้งหมดส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ดังกล่าวทั้งหมด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำด้วยว่า ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกําหนด และหากพี่น้องประชาชนท่านใด ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ผิดกฎหมาย หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งไว้ที่ช่องทาง สายด่วน 1599 หรือ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจในแต่ละพื้นที่ได้ทันที.
ทั้งนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) เป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบหลายรูปแบบ เช่น แอปพลิเคชั่นเงินกู้ผิดกฎหมาย แก๊งหมวกกันน็อค การรับจํานํารถโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น