อาชญากรรม

สืบสวนภาค 2 จับขบวนการค้ากัญชารายใหญ่ข้ามประเทศเครือข่ายนายทุนลาว

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 3 ส.ค.63 พ.ต.อ.ดุลยพัฒน์ เตชพรชยาสินธ์ หน.ชป.1 ชุดปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ภ.2 บก.สส.ภ.2 นายสุรเดช ละเต๊ะซัน นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ปปส.ภาค 2 และกำลังตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ขบวนการค้ากัญชารายใหญ่ 3 ราย ได้ผู้ต้องหารวม 6 คน โดยรายแรกจับกุม นายวุฒิศักดิ์ หรือ แม็กซ์ กุมไธสง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256/28 หมู่ที่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และ นายอนุชาติ หรือ เค ภูระ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/90 หมู่ที่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วยของกลาง กัญชาอัดแท่ง ก้อนละประมาณ 1 กิโลกรัม รวม 10 แท่ง , กัญชาอัดแท่งแบบแบ่งย่อย เฉลี่ยน้ำหนักแท่งละประมาณ 15 กรัม จำนวน 31 ก้อน , ยาไอซ์น้ำหนักรวม 39.6 กรัม และอุปกรณ์การเสพกัญชาอีกหลายรายการ และยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า แคมรี่ ทะเบียน ญภ 4115 กทม. และเงินสด 277,220 บาท ไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามยาเสพติด โดยสามารถจับกุมทั้งคู่ได้ที่บริเวณ ร้านอาหารครัวจามจุรี เลขที่ 381/11 ซ.บัวขาว 15 ย่านพัทยากลาง หมู่ที่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

รายที่ 2 จับกุมนายนายวิรัตน์ หรือ บอย เกียรติพิทยา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 157 ซ.4 ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง แท่งละ 1 กิโลกรัมรวม 10 แท่ง และรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน 9กว – 2341 กรุงเทพ พร้อมกับยึดทรัพย์สินมูลค่า 2,332,960 บาท ไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติด โดยสามารถจับกุมได้ภายในร้านอาหารครัวจามจุรี เช่นกัน

ส่วนรายสุดท้ายจับกุมนายสมคิด หรือคิด โชติสดี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 หมู่ 1 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นายพระเยาว์ หรือเยา น้ำดอกไม้ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.4 ต.หนองหัวโพ อ.หนองแซง จ.สระบุรี และนายสิทธิชัย หรือเอก สังข์เกิดสุข อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/3 ซ.กำนันพันธุ์ ถ.นาสร้าง ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง แท่งละ 1 กิโลกรัม รวม 66 แท่ง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน ญผ 7216 กทม.จำนวน 1 คัน รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน รุ่น เซฟิโร หมายเลขทะเบียน กย 5316 สระบุรี จำนวน 1 คัน และยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบตาม พรบ.มาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติด มูลค่ารวม 1,305,031 บาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ริมถนนมิตรภาพ ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี

พ.ต.อ.ดุลยพัฒน์ เตชพรชยาสินธ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต ณัฐพงษ์ ตยานุรักษ์ ผบก.สส.ภ.2 ให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่กระทั่งสืบทราบว่า มีเอเย่นต์ลักลอบค้ากัญชาให้กับชาวต่างชาติที่ร้านอาหารครัวจามจุรี เลขที่ 381/11 ซ.บัวขาว 15 ย่านพัทยากลาง จึงส่งสายลับ นำเงินสด 1,000 บาท ติดต่อล่อซื้อกัญชา 1 แท่งเล็ก จากนายวุฒิศักดิ์ หรือ แม็กซ์ กุมไธสง อายุ 18 ปี และนายอนุชาติ หรือ เค ภูระ อายุ 52 ปี จนสามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 10 กิโลกรัม , กัญชาอัดแท่งแบบแบ่งย่อย เฉลี่ยน้ำหนักแท่งละประมาณ 15 กรัม จำนวน 31 ก้อน , ยาไอซ์น้ำหนักรวม 39.6 กรัม และอุปกรณ์การเสพกัญชาอีกหลายรายการ จากนั้นจึงให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนทำทีโทรศัพท์ไปสั่งกัญชาอีก 10 กิโลกรัม จากนายวิรัตน์ หรือบอย เกียรติพิทยา อายุ 53 ปี โดยนัดหมายส่งของกันที่ร้านอาหารครัวจามจุรี พอนายวิรัตน์ ขับรถยนต์เก๋งนำกัญชามาส่งให้ ตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงทำการจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง โดยนายวิรัตน์ รับสารภาพว่า สั่งซื้อกัญชานายสมคิด หรือคิด โชติสดี อายุ 49 ปี เจ้าของรีสอร์ทใน อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

ต่อมาตำรวจจึงทำการขยายผล สั่งซื้อกัญชาจากนายสมคิด จำนวน 66 กิโลกรัม โดยนัดหมายกันที่ริมถนนมิตรภาพ ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี กระทั่งถึงเวลานัดหมายนายสมคิด กับนายสิทธิชัย หรือเอก ได้ขับรถนำกัญชามาส่งให้กับสายลับโดยมีนายพระเยาว์ หรือเยา ขับรถอีกคันตามมาติดๆ ตำรวจที่ซุ่มอยู่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบกัญชาอัดแท่ง รวม 66 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในรถที่นายสมคิดขับมา จึงยึดไว้เป็นของกลาง สอบสวนนายสมคิดให้การรับสารภาพว่า ปกติทำธุรกิจรีสอร์ท ที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม แต่ระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับ มีการระบาดของโรคโควิด 19 เลยไม่มีลูกค้า ทำให้ขาดรายได้ เลยหันมาค้ากัญชา โดยสั่งซื้อจากเอเย่นต์ชาวลาว ที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว ในราคากิโลกรัมละ 2,500 บาท ก่อนนำมาขายต่อให้กับเอเย่นต์ชาวไทยในราคากิโลกรัมละ 4,000 บาท ส่วนเพื่อนอีก 2 คนทำหน้าที่คอยขับรถนำ เพื่อเช็คด่านตรวจ ในขณะที่นำกัญชามาส่งให้กับลูกค้า กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว

พ.ต.อ.ดุลยพัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ ถือว่าเป็นขบวนการค้ากัญชารายใหญ่ ที่เข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากมีการกระทำผิดเกินกว่า 2 ขึ้นไป และมีบุคคลเกินกว่า 3 คนขึ้นไป ในการร่วมกันกระทำความผิดคดีอาญาร้ายแรงที่มีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเป็นความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมูลค่ากัญชาที่ยึดได้หากนำมาขาย ที่เมืองพัทยา ก็จะได้กำไรมากกว่าเท่าตัว ซึ่งเรื่องนี้ได้ ส่งข้อมูลให้สำนักงาน ปปส.ภาค 2 ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อสกัดกั้นการเข้ามาของยาเสพติดจากนอกประเทศต่อไป.