เมืองพัทยาเร่งหาHospitelขยายเพิ่มอีก 700 เตียง วอนประชาชนทิ้งขยะให้ถูกที่ เหตุขยะติดเชื้อพุ่ง

นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ซึ่งรับผิดชอบงานด้านสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่าในช่วงการระบาดขงเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งขณะนั้นมีโรงแรมในพื้นที่เมืองพัทยาจัดทำเป็นระบบ Hospitel ถึง 12 แห่งรวมกันนับพันห้อง ทำให้ช่วงเวลานั้นมีขยะติดเชื้อที่เมืองพัทยาต้องกำจัดในปริมาณวันละ 700-800 ตันแต่หลังสถานการณ์ดีขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ทำให้มีปริมาณขยะติดเชื้อลดลงเหลือเพียง 1-2 ตัน/วัน ขณะที่โรงแรมที่จัดทำเป็น Hospitel ก็ยกเลิกมาเปิดให้บริการตามปกติ

ปัจจุบันปรากฏว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดหลังเทศกาลปีใหม่เริ่มมีผู้ติดเชื้อรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอีกวันละหลายร้อยราย ดังนั้นโรงแรมที่เมืองพัทยาประสานไว้เพื่อจัดทำเป็น Hospitel จำนวน 300 ห้องไม่เพียงพอต่อความต้องการด้วยขณะนี้มีการใช้งานจนเต็มความจุแล้ว จึงมีความจำเป็นต้องขยายห้องพักเพิ่มเป็น 700 เตียง เพื่อสมทบกับทาง รพ.บางละมุง ที่มีการประสานไว้ก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 2,000 เตียง โดยมีการประสานขอปรับลดราคาจากโรงแรมให้เหลือราคาห้องพักห้องละ 1,000 บาท ซึ่งตรงตามงบประมาณที่ได้รับจาก สปสช.ที่จะทำให้ผู้เข้ากักตัวไม่จำเป็นต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่ปริมาณขยะติดเชื้อก็เริ่มเพิ่มปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงได้จัดชุดจัดเก็บเฉพาะเพื่อส่งไปทำลายที่เทศบาลเมืองระยองทันที พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือจากประชาชนในการทิ้งขยะติดเชื้อ อาทิ ชุดตรวจ ATK ที่ทำการตรวจด้วยตัวเอง โดยให้นำมาทิ้งในภาชนะที่เมืองพัทยาจัดเตรียมไว้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วย

นายมาโนช กล่าวต่อไปว่าขณะนี้มีการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจจำนวน 4 ชุดลงพื้นที่สุ่มตรวจเชิงรุก ATK ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงในเขตเมืองพัทยา ซึ่งตรวจพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มร้านอาหารกึ่งผับที่เปิดให้บริการโดยไม่มีมาตรฐาน COVID Free setting

ทั้งนี้ส่วนใหญ่พบว่าแม้จะมีใบรับรองมาตรฐาน SHA Plus + แต่กลับไม่มีการปรับปรุงร้านตามข้อกำหนด และยังให้บริการแบบไม่มีมาตรฐานของ สธ.ด้วย จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น.