ทีมสัตว์แพทย์ดูแลใกล้ชิด เตรียมผ่าหัวกระสุนฝังขา “พังฟ้าใส” ออกอีก
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ตรวจพบลูกช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ 4 เดือนติดบ่วงเชือกดักสัตว์ของพรานป่าขณะเดินเข้าหากินในพื้นที่ป่าอุทยาน อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี จนขาหน้าด้านขวาถูกบ่วงรัดจนเกือบขาด ขณะที่ต้นขาด้านซ้ายพบรอยคล้ายกระสุนปืนอีกกว่า 10 นัด เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเขา 15 ชั้น อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ได้ประสานทีมสัตว์แพทย์เข้ามาให้การช่วยเหลือ ก่อนจะนำตัวลูกช้างมารักษาและพักฟื้น ณ สวนนงนุช พัทยา จ.ชลบุรี โดยตั้งชื่อว่า “ฟ้าใส” ซึ่งที่ผ่านมาทีมสัตว์แพทย์ ได้ตัดขาขวาที่ถูกบ่วงรัดจนเกือบขาดออกไปแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2564 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พร้อมด้วย นายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) พร้อมทีมสัตว์แพทย์ เดินทางมาดูอาการของ “พังฟ้าใส” เบื้องต้นพบว่ายังคงสามารถเดิน เล่น และดื่มนมได้ตามปกติ โดยบริเวณขาหน้าด้านขวาที่ถูกตัดออกไปมีการนำผ้ามาพันรองไว้ พร้อมควาญช้างดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งลูกช้างไม่ได้มีการอาการเซื่องซึมมากนัก
ด้าน นสพ.เด็จ ศิริดำรง หัวหน้าทีมสัตว์แพทย์ กล่าวว่าช่วงที่ลูกช้างเดินทางมารักษาใหม่ๆได้มีการตรวจผลเลือดพบว่าไม่ค่อยดีนัก แต่สิ่งสำคัญคือต้องตัดขาหน้าขวาที่ถูกรัดออกสูงจากปลายเท้าขึ้นไปประมาณ 14ซม.เนื่อง จากใกล้ขาดและติดเชื้อ จากนั้นให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ แก้ปวด เป็นหลัก ส่วนปัญหาอีกประการคือขาด้านซ้ายที่ถูกยิงมีกระสุนลูกปลายติดคาชนกับกระดูกขาหน้าเกือบ 10 นัด สามารถเอาออกมาได้แล้ว 1 นัด ส่วนที่เหลือคงต้องรอการผ่าตัด เนื่อง จากอยู่ลึกมาก แต่ค่าไตของลูกช้างสูงผิดปกติจึงต้องรอเวลาและลดยาลงก่อน คาดว่าภายใน 2-3 วัน น่าจะสามารถผ่าตัดได้ สิ่งที่เป็นห่วงคือจะ ต้องมีการวางยาหรือดมยาเพื่อผ่าตัด ที่อาจมีความเสี่ยงอยู่บ้างเพราะเป็นลูกช้าง และสภาพร่างกายที่ถูกกระทำมาค่อนข้างหนัก
ขณะที่ นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช กล่าวว่าคงต้องดูแล “พังฟ้าใส” ให้ดีที่สุด และทางสวนนงนุชพร้อมสนับสนุนให้การช่วยเหลือเต็มที่ ทั้งทีมสัตว์แพทย์ ยารักษาโรค และนมหรืออาหารต่างๆ ด้วยสถานที่มีความพร้อม อีกทั้งมีควาญช้างที่เชี่ยวชาญที่ดูแลลูกช้างด้วยความชำนาญ โดยเฉพาะเคส กรณีนี้เหมือนกับ “พังฟ้าแจ่ม” เมื่อหลายปีก่อน อย่างไรก็ตาม อยากวิงวอนว่าควรจะหยุดและละเลิกการกระทำในลักษณะเช่นนี้ได้แล้ว เพราะมันเกิดความสูญเสียต่อทรัพยากรและสัตว์ป่าที่สำคัญของชาติ
ส่วนนายรวมศิลป์ มานะจงประเสริฐ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กล่าวว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่วางกับดักแล้ว และรอการผ่าตัดเพื่อนำหัวกระสุนไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการควานหาตัวผู้กระทำผิด กรณีนี้ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “การล่า” ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.สัตว์สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ควบคุมยากพอสมควร ด้วยปัญหาอัตรากำลัง แต่ทางกรมอุทยานฯก็เข้มงวดและจัดชุดเฝ้าระวัง รวมทั้งการลาดตะเวนพื้นที่ป่าอุทยานฯ และป่าสงวนในเขตรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งมีพื้นที่รวม 1 ล้านกว่าไร่.