ขอดิ้นอีกเฮือก! โรงแรมดังเมืองพัทยาปรับตัวสู้วิกฤตโควิด-19 เปิดห้องพักให้เช่าอยู่แบบรายวีค/เดือน หวังประคองธุรกิจให้อยู่รอด
นางสาวสรัสนันท์ อัศวชัยโสภณ กรรมการบริหารโรงแรม แกรนด์ จอมเทียน พาเลซ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยที่ท่องเที่ยวภายในพื้นที่ลดลงอย่างมากจนแทบไม่เหลือเลย แม้แต่จำนวนทริปค้างคืนของนักท่องเที่ยวไทยก็ลดลง จนเกิดผลกระทบซ้ำเติมต่อธุรกิจโรงแรมที่หวังพึ่งรายได้จากนักท่องเที่ยวไทย ดังนั้นเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินและรอให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง รวมไปถึงประคับประคองพนักงานลูกจ้างให้พออยู่รอด ทางโรงแรมจึงปรับลดค่าห้องพักลงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทย โดยเลือกเอาโรงแรมศริตา ชาเลต์ แอนด์ สปา จำกัด ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ขนาด 89 ห้องพัก ตั้งอยู่ในทำเลสวย ถนนเลียบชายหาดจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซีย มาปรับลดราคาค่าห้องพัก ต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ด้วยราคาค่าห้องพักเริ่มต้นที่ 2,500-6,000 บาทเท่านั้นต่อ 1 อาทิตย์ จากเดิมราคาคืนละ 1,200-2,500 บาท แล้วแต่ขนาดห้องพัก ส่วนรายเดือนราคาเริ่มต้นที่ 3,990 บาท โดยจะนำร่องเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นเดือนแรก ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่สามารถใช้บริการที่เปิดภายในโรงแรมได้ฟรี อาทิ สระว่ายน้ำ โดยจะมีแม่บ้านมาคอยเช็ดถูทำความสะอาดห้องให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เรียกว่าเป็นเวลาทองของนักท่องเที่ยวที่ต้องการห้องพักราคาหลักร้อยวิวหลักล้านในขณะนี้
นางสาวสรัสนันท์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่นำโรงแรมระดับ 3 ดาวมาปรับลดราคามากขนาดนี้ เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นตามฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งตามปกติเพดานติดลบอยู่แล้ว กอปรกับขณะนี้หากสำรวจตามเว็บไซต์ต่างๆ จะเห็นว่าโรงแรมหลายๆ แห่งในพื้นที่เมืองพัทยามีการปรับลดราคากันลงมามากกว่า 50% โดยเฉพาะโรงแรม 5 ดาว ทำให้โรงแรมที่มีขนาดเล็กกว่าได้รับผลกระทบยิ่งขึ้น
ดังนั้นเนื่องจากห้องพักแต่ละห้องมีต้นทุน ทั้งการทำความสะอาด ค่าน้ำค่าไฟ จึงเลือกเอาโรงแรมในเครือมาปรับลดให้เหลือราคาดังกล่าวข้างต้น พอให้ได้แค่ค่าน้ำค่าไฟ ค่าพนักงาน ถึงขาดทุนก็ต้องยอม สิ้นเดือนแล้วได้เงินมาก่อนเพื่อช่วยประทังชีวิต พนักงานให้พออยู่ได้ หรือได้มาวันละประมาณ 3 พัน 4 พันบาท ก็จะหมดไปกับอาหารที่ต้องหล่อเลี้ยงพนักงาน เรียกว่าโรงแรมมีค่าใช้จ่ายที่หลบซ่อนเยอะ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การท่องเที่ยวยังไม่ดีขึ้น คาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้จะประคับประคองไม่ได้อีกแล้ว คงต้องให้พนักงานหยุดอยู่กับบ้าน และจ่ายเงินเยียวยา หรืออาจให้มาทำงาน 10 วัน แล้วแลกเป็นอย่างอื่นแทนก็ได้.