เปิดใจป้าผู้แลนร.ป่วยซึมเศร้าเตรียมกระโดดสะพานลอยซ้ำ คาดถูกเพื่อนล้อเลียนจนเครียด
จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 กันยายน 2563 เกิดเหตุ ด.ช.เอก (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พยายามจะกระโดดลงจากสะพานลอย โดยสาเหตุเกิดจากถูกรถสหกรณ์สองแถวเบี้ยวไม่ทอนเงิน จึงเกิดความโมโหและน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต จึงตัดสินใจ เขียนจดหมายลาครูและเพื่อนๆ หวังฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่และเพื่อนๆช่วยเหลือไว้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นทราบว่า ตัวเด็กมีปัญหาครอบครัว และยังมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องรับประทานยารักษาอยู่ตลอดเวลา โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
แต่เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 22 กันยายน 2563 เด็กนักเรียนคนดังกล่าวพยายามจะกระโดดสะพานลอย บริเวณด้านหน้าซอยเนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อฆ่าตัวตายอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะค่อยๆ ดึงเด็กคนดังกล่าวขึ้นมาจากราวสะพานลอยได้สำเร็จ แล้วนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 23 ก.ย.63 นางสงวน สุดแทนพิทักษ์ อายุ 56 ปี ป้าผู้ดูแลด.ช.คนดังกล่าว เดินทางเข้าพบแพทย์โรงพยาบาลบางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อติดตามการรักษาอาการป่วยของ ด.ช.เอก (นามสมมติ) หลังทีมแพทย์ได้กักตัวไว้ที่โรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการป่วยตั้งแต่เมื่อวาน
จากการสอบถาม นางสงวน สุดแทนพิทักษ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ได้เข้าเยี่ยมน้องตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เบื้องต้นอาการสงบลง สามารถพูดคุยได้ ดีขึ้นแล้วตามลำดับ แต่น้องยังคงไม่พูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเครียดจนต้องมาทำเรื่องดังกล่าว แต่คณะครูและเพื่อนสนิทของน้อง ได้เดินทางมาเยี่ยม เพื่อนของน้องได้บอกว่า สาเหตุน่าจะมาจากการที่น้องถูกเพื่อนบางกลุ่มล้อเลียนจนเกิดความเครียดสะสม จึงเกิดอารมณ์เก็บกดจนอยากจะคิดสั้น
นางสงวน กล่าวอีกว่าหลังจากเกิดเหตุเรื่องโกงค่ารถสองแถวในครั้งนั้น อาการน้องปกติดีพูดจาไพเราะ และช่วยงานบ้านอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในช่วงเช้าวันเกิดเหตุได้พูดคุยกับน้องกันปกติไม่มีอาการผิดแปลกหรือเครียดแต่อย่างใด จนกระทั่งมาทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าน้องก่อเหตุซ้ำจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาล
ป้าผู้ดูแลเด็ก ยังเปิดเผยอีกว่า ใจจริงอยากให้หน่วยงานเฉพาะทาง มารับตัวน้องไปรักษาจนหายดี แล้วค่อยกลับมาอยู่กับครอบครัว เพราะเกรงว่า จะอาการกำเริบอีก และห่วงความปลอดภัยของตัวน้องมากที่สุด