ตร.กวาดล้างแก๊งเขมรพาเด็กเร่ขอทานกลางงานวัดดังใน อ.สัตหีบ อาจเข้าข่ายค้ามนุษย์
จากกรณีชาวบ้านแจ้งว่าภายในงานวัดหลวงพ่ออี๋ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-12 ต.ค.ที่ผ่านมา มีขอทาน ชาวไทยและต่างด้าว ตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึงคนชรา ทั้งพิการ และร่างกายปกติ มานั่งขอทาน เป็นจำนวนมากภายในงานวัด เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมงานวัด นอกจากนั้น หวั่นภาพออกไปสู่สายตาชาวต่างชาติจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไทยได้ บางจุดเป็นผู้หญิงนำเด็ก อาจจะไม่ใช่ลูกตัวเองมานอนตัก นั่งขอทาน บางจุดเป็นคนแก่นำเด็กเล็กมานอนขอทาน โดยมีการบันทึกภาพกลุ่มชายมีอายุ จำนวน 2-3 คน มานั่งเฝ้ากลุ่มขอทาน และสั่งให้ไปนั่งตามจุดที่กำหนดไว้เพื่อนั่งขอทานอีกด้วย
เมื่อสอบถามชาวบ้านในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ต่างยืนยันไม่มีใครเคยพบเห็นหน้ากลุ่มขอทานดังกล่าวเลย และไม่คุ้นหน้า คาดว่าเป็นกลุ่มขอทานจากพื้นที่อื่นน่าจะมีคนพามาขอทานในงานวัดที่สัตหีบ
ต่อมา พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุวิจักขณ์ เรืองนวมดี รอง ผกก.สส.สภ.สัตหีบ พ.ต.ต.อัครชัย วงศ์คำโสม สว.สส.สภ.สัตหีบ พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เนมีย์ สารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สัตหีบ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ตรวจค้นทั่วงานวัด จนสามารถควบคุมกลุ่มขอทานได้ ทั้งหมด 8 ราย เป็นเด็ก 3 ราย และชายหญิง 2 ราย ทั้งหมดสัญชาติกัมพูชา และคนไทยอีก 3 ราย เบื้องต้นนำตัวไปที่ สภ.สัตหีบ เพื่อสอบสวนขยายผล
พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ กล่าวว่ากลุ่มขอทาน มีอายุระหว่าง 18 – 60 ปี ที่นำเด็กอายุ 2-10 ปี มาร่วมนั่งขอทานตามจุดต่างๆ โดยกลุ่มดังกล่าว มีผู้ชายคนไทยมาคอยนั่งเฝ้าอยู่บริเวณภายในวัด โดยทั้งหมดได้กางเต็นท์นอนและพักอยู่ในบริเวณของวัด จนกว่างานวัดจะหมดและจะย้ายไปที่อื่น เกรงว่าจะเป็นขบวนการค้ามนุษย์ จึงสั่งการให้ เข้าตรวจสอบ
สำหรับชาวกัมพูชาทั้งหมด ไม่พบเอกสารการเข้าเมือง เจ้าที่ตำรวจ จะร่วมมือกับสหวิชาชีพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี เพื่อคัดแยกผู้เสียหายว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ พร้อมตรวจสอบหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหว่างตัวผู้ใหญ่ที่อ้างเป็นพ่อแม่ว่า มีความสัมพันธ์กันจริงหรือไม่ หากไม่มี จะเข้าข่ายค้ามนุษย์ได้ ประเภทความผิดเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์ โดยการนำคนมาขอทาน หรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคล ซึ่งจะต้องสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มต่อไป