สภาเมืองพัทยา อนุมัติงบฯ 8.85 ล้านบาท ขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างหลังคาคลุมทางเดินท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย

ที่ ห้องประชุมสภาเมืองพัทยา มีการจัดประชุมสภาเมืองพัทยา สมัยสามัญ สมัยที่สอง ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2566 โดยมี นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ในที่ประชุม นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เสนอญัตติ เรื่อง ขออนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมเพื่อสมทบดำเนินโครงการก่อสร้างหลังคาคลุม ทางเดินท่าเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา โดยระบุว่า ตามที่เมืองพัทยา ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2566 (เงินอุดหนุนจากส่วนกลาง) เพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงผิวจราจรถนนพัทยาสาย 3 จากแยกพัทยากลางถึงแยกทัพพระยา เป็นเงิน 21,150,000 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) แต่เนื่องจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีแผนการดำเนินงานในการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดิน ในพื้นที่ถนนพัทยาสาย3 ซึ่งจะต้องขุดถนนเพื่อก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร หากเมืองพัทยาดำเนินการปรับปรุงผิวจราจรบนถนนพัทยาสาย 3 จากแยกพัทยากลางถึงแยกทัพพระยา จะส่งผลให้แผนการนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องเลื่อนออกไป รวมถึงเมื่อขุดถนนวางท่อร้อยสายไฟฟ้าและสายสื่อสารแล้วเสร็จ จะต้องปรับปรุงผิวจราจรให้กลับคืนสภาพเดิม ซึ่งจะเป็นการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองงบประมาณ อีกทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับงบประมาณล่าช้า จึงส่งผลกระทบให้การดำเนินงานนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ สำนักช่าง จึงมีความจำเป็นต้องชะลอโครงการปรับปรุงผิวจราจรถนนพัทยาสาย 3 จากแยกพัทยากลางถึงแยกทัพพระยาออกไปก่อน โดยจะเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นในลำดับรองลงมา เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าและสายสื่อสารบนถนนพัทยาสาย 3 ให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะปรับปรุงผิวจราจรบนถนนพัทยาสาย 3 จากแยกพัทยากลางถึงแยกทัพพระยา โดยได้เสนอสำนักงบประมาณ ตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการใช้ งบประมาณรายจ่าย การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ.2562 ข้อ 8 ในการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 (เงินอุดหนุนจากส่วนกลาง) จากโครงการปรับปรุงผิวจราจรถนนพัทยาสาย 3 จากแยกพัทยากลางถึงแยกทัพพระยา เป็นโครงการก่อสร้างหลังคาคลุมทางเดินท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย งบประมาณทั้งสิ้น 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาทถ้วน) ซึ่งเกินกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรร 21,150,000 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ทำให้ขาดงบประมาณอีก 8,850,000 บาท (แปดล้านแปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างสำนักงบประมาณ พิจารณาอนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการ ซึ่งอาศัยอำนาจตามความของข้อบัญญัติเมืองพัทยา เรื่อง การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรัพัทยากษาเงินและตรวจเงินของเมืองพัทยา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2564 ข้อ 89 (1) เมืองอาจใช้จ่าย สินสะสมได้โดยได้รับอนุมัติจากสภาเมืองพัทยา

สมาชิกสภาเมืองพัทยา ได้มีข้อสักถามเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการก่อสร้างหลังคาคลุมทางเดินท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย ทั้งเรื่องของการออกแบบ ได้ผ่านความเห็นชอบจากกรมเจ้าท่าหรือไม่อย่างไร รูปแบบโครงสร้างเหมาะสมกับพื้นที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายและสามารถตอบโจทย์การอำนวยความสะดวกให้ประชาชาและนักท่องเที่ยวครอบคลุมหรือไม่ อีกทั้งหากสภาเมืองพัทยาผ่านงบประมาณส่วนที่เหลือให้ดำเนินการแต่หากส่วนกลางไม่อนุญาตให้นำงบประมาณมาเปลี่ยนแปลงโครงการ ทางฝ่ายบริหารจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ด้าน นายบุญเทียน จันสุข ผู้อำนวยการสำนักการช่างเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดของรูปแบบโครงการทั้งด้านสถาปัตยกรรม และวิศกรรมของโครงการก่อสร้างหลังคา สำนักช่างและฝ่ายบริหารได้ร่วมกันออกแบบด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งมีด้วยกัน 4 รูปแบบ เพื่อร่วมกันพิจารณาเลือกรูปแบบที่ให้มีความเหมาะสมและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้งาน ส่วนการไม่ออกแบบก่อสร้างหลังคาที่มีชายคาเยือนออกมาด้วยติดข้อกฎหมายของกรมเจ้าที่ที่ห้ามทำชายคาล้ำออกจากตัวสะพานเดิม ทั้งหากจะดำเนินการก่อสร้างชายคา สามารถทำได้แต่ต้องทำการศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงผลกระทบที่จะตามมา และส่งขอรับความเห็นชอบจากกรมเจ้าท่า จึงทำให้การประชุมเลือกแบบหลังคาท่าเรือแหลมบาลีฮายเป็นลักษณะหลังคาเล่นคลื่นให้สอดคล้องพื้นที่ธีมทะเล สำหรับขนาดและน้ำหนักโครงเหล็กจะใช้โครงเหล็กที่ชุบ กัลป์วาไนซ์ ด้วยมีราคาถูกกว่าสแตนเลสและเพื่อประหยัดการใช้งบประมาณไม่ให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

ทั้งนี้ สภาเมืองพัทยาได้ผ่านความเห็นชอบเห็นอนุมติจ่ายเงินสะสมเพื่อสมทบดำเนินโครงการก่อสร้างหลังคาคลุม ทางเดินท่าเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา วงเงินทั้งสิ้น 8,850,000 บาท (แปดล้านแปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน)