ผู้การชลฯตั้งคกก.สอบเหตุโพยส่วยสถานบันเทิงพัทยาว่อนเน็ต ปธ.กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา-ตัวแทนผปก.ดาหน้าโต้ยันไม่ใช่เรื่องจริง
จากที่มีการจับกุมสถานบันเทิงเมืองพัทยาและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นอีกครั้ง เมื่อมีการแชร์ภาพบนโลกโซเซียล ซึ่งเป็นภาพถ่าย แผ่นกระดาษ เอ 4 ที่มีการเขียนด้วยลายมือ ระบุรายชื่อ สถานบริการ ประเภทผับดังๆหลายแห่งในเมืองพัทยา พร้อมกับมีตัวเลขคล้ายกับยอดเงินตามท้ายชื่อของแต่ละร้าน ระบุจำนวนเงิน 30,000 บาท บางร้านมียอด 15,000 บาท ต่ำสุดคือ 9,000 บาท โดยมีการลงคู่กับภาพถ่าย ซึ่งมีบุคคลที่ปรากฏในภาพคือ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กำลังนั่งประทานอาหาร กับกลุ่มบุคคลสวมใส่เสื้อชุด กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ส่วนข้อความของภาพ ระบุ “พัทยาเก็บส่วยแบบนี้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน จะว่ายังไง”
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมสอบสวนในกรณีดังกล่าวข้างต้น โดยมี พ.ต.อ.โสฬส เอี่ยมสอาด รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เป็นหัวหน้าคณะฯ นำพนักงานสอบสวนในจังหวัดชลบุรีจำนวน 10 นาย ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เรื่องการจ่ายส่วยสถานบริการเมืองพัทยา ที่เป็นข่าวฉาวอยู่ในขณะนี้ โดยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ปรากฎในภาพข่าว อาทิ กก.ตร.สภ.เมืองพัทยา ชมรมผู้ประกอบการกลางคืน ชมรมสถานประกอบการวอล์คกิ้งสตรีทพัทยา มาสอบสวนให้ปากคำ จำนวนหลายปาก
ด้าน นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับ นายชัยรันต์ รักทอง รองประธาน กต.ตร.สภ เมืองพัทยา เปิดเผยว่า ในวันนี้ ได้เดินทางมาให้ปากคำในเรื่องที่ปรากฎในสื่อและโซเซียล ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่า บุคคลที่ปรากฏในภาพ คือ กลุ่มของคณะทำงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จริง โดยในวันนั้น ได้มีการจัดกิจกรรม ประชุม คณะ กต.ตร.สัญจร โดยได้เชิญ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ มามอบนโยบายในการพัฒนา สภ.เมืองพัทยา พร้อมได้เชิญผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และแนวทางการปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้รับฟังแนวทางการปฏิบัตินโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เน้นย้ำเรื่อง เด็ก ยา อาวุธ เป็นหลักให้สถานประกอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีการลงวาระการประชุมเป็นหลักฐานเอกสารชัดเจน อีกทั้ง ในวันประชุมไม่ได้มีเพียงบุคคลในที่ประชุมเท่านั้น ยังมีนักท่องเที่ยว พนักงานภายในอีกด้วย
ขณะที่ นางสาว สุพัตรา ชลพล อายุ 31 ปี เจ้าของสถานบริการ ตัวแทนชมรมผู้ประกอบการวอล์คกิ้งสตรีทที่มีรายชื่ออยู่ในกระดาษดังกล่าว เปิดเผยว่าโพยกระดาษที่มีการพาดพิงถึงสถานประกอบการหลายที่ และมีการลงรายละเอียดตัวเลข ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทางหน่วยงานเมืองพัทยาไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินหรือรับผลประโยชน์แต่อย่างใด ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคกลางคืนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก หลังมีกระแสข่าวปรากฏในสื่อโซเชียล ผู้ประกอบการหลายรายรู้สึกตกใจที่มีรายชื่อไปเกี่ยวทั้งที่ไม่เป็นความจริง ส่วนผับต้นเหตุ ยังไม่มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว โดยหลังจากนี้ จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับเฟสบุ๊คที่มีการให้ข่าวบิดเบือนความจริง ส่งผลให้ภาครัฐและภาคเอกชนได้รับผลกระทบและความเสียหายเพื่อให้ไม่เป็นแบบอย่างและป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนตัวโพยกระดาษ ขอยืนยันว่า ไม่เคยเห็นและไม่มีอยู่จริง ในวันที่ประชุมดังกล่าว เชื่อว่า ผู้ที่โพสต์ต้องการทำให้ภาพพจน์ของหน่วยงาน และภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยาเสื่อมเสีย ซึ่งขอยืนยันอีกครั้งว่า ข้อมูลที่เฟสบุ๊คดังกล่าวนำเสนอเรื่องโพยกระดาษและการส่วย ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อกลางดึกวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับ นายชัยรันต์ รักทอง รองประธาน กต.ตร.สภ เมืองพัทยา ยังได้เปิดแถลงข่าวข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยยอมรับว่าบุคคลที่ปรากฏในภาพ คือ กลุ่มของคณะทำงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จริง โดยในวันนั้นได้มีการจัดกิจกรรมประชุมคณะ กต.ตร.สัญจร โดยได้เชิญ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และแนวทางการปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ยังได้เชิญผู้ประกอบการ มาร่วมประชุมด้วย โดยหลักๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับฟังแนวทางการปฏิบัตินโยบายของตำรวจ และปรับความเข้าใจอะไรหลายๆ เรื่อง ที่สถานประกอบการควรปฏิบัติให้เป็นไปตามความถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย แต่พอมีภาพดังกล่าวหลุดออกไปและมีการสื่อไปในทิศทางที่ไม่ใช่ความจริง จึงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยขอยืนยันว่า ภาพที่หลุดไป เป็นภาพการประชุม คณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา สัญจร เท่านั้น สำหรับมีการเสนอภาพดังกล่าวนั้น มีการสื่อในทิศทางที่ผิดจากข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพูดคุย เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มที่นำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกด้วย
ด้าน นางลิซา แฮมิลตัน ประธานชมรมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา และ ประธานผู้ประกอบการจอมเทียน-พัทยา ได้กล่าวตัดพ้อกับผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันเมืองพัทยากลับมาตกเป็นข่าวในด้านไม่ดีอีกครั้ง ทำให้รู้สึกตกใจ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการเมืองพัทยา พยายามช่วยพัฒนาด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น อีกทั้งในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาจำนวนมาก ผู้ประกอบการกำลังตื่นเต้นกับการทำมาหากิน แต่ก็ต้องมาประสบเหตุการณ์ตามข่าว ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากตำรวจต้องกลับมาเข้มงวดขึ้นไปอีก แทนที่จะได้รับการผ่อนปรน แต่ต้องกลับเดือดร้อนกันอีกครั้ง
ขณะที่ นางสาวสุพัตรา ชลพล อายุ 31 ปี และ นายพิชัย เปลี่ยนผล อายุ 31 ปี สองเจ้าของ สถานบริการ ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในโพย ที่ถูกอ้างว่าเป็นรายชื่อจ่ายส่วยสถานบริการให้กับเจ้าหน้าที่ โดยทั้งสองยืนยันตรงกันว่า ไม่มีการจ่ายส่วยกับเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน ถึงให้จ่ายก็คงจ่ายไม่ไหว เนื่องจากเป็นยอดที่สูง ทางร้านคงจ่ายไม่ไหว โดยในปัจจุบัน ทางร้านพยายามเข้มงวด ตามที่นโยบายตำรวจ ห้ามมีเรื่องเด็ก ยาเสพติด และอาวุธปืน จนกระทั่งมาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวและ ยอมรับว่าสถานบริการในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า โพยส่วยดังกล่าว มีจริงหรือไม่ เนื่องจากในรายชื่อ มีบางร้านปิดตัวไปแล้วก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 บางร้านถูกไฟไหม้ ปิดตัวไปแล้วเช่นกัน ก็ปรากฏมีรายชื่ออยู่ในโพย แม้แต่ ร้าน โบน ผับ ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น คลับ วัน ที่ปรากฏเป็นข่าวดังในช่วงนี้ ก็ยังมีในรายชื่อจ่ายส่วยด้วย