ถลกหนังหน้า “นากาตะ” ซ่องนรกกลางเมือง!
หวย-บ่อน-ซ่อง… ของมันต้องมี!! บ้านนี้เมืองนี้… “กระหรี่” หาง่ายกว่าเนื้อวัว เนื้อควายในตลาด
ย่านขายเนื้อสด “คังคุไบ” แหล่งใหญ่ระดับบิ๊ก ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนของอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี เอ่ยชื่อเป็นต้องร้องอ๋อ ไม่มีใคร ไม่รู้จัก…ชื่อเสียงเรียงนามดังกระฉ่อนไปทุกหย่อมย่าน
แหล่งนางบังเงา “นากาตะ” ที่เหล่าบรรดาพ่อเล้า-แม่เล้า เจ้าของซ่องโสเภณี พากันเปิดขายบริการกันอย่างโจ๋งครึ้ม ยึดพื้นที่อาณาบริเวณด้านหลังปั๊มน้ำมันเอสโซ่ เลี้ยวจากถนนเมนใหญ่ แยกเข้าถนนสุขุมวิท-พัทยา 22 ท้องที่หมู่ 5 ต.นาเกลือ อาคารพาณิชย์ทั้งย่านคือสถานปลดเปลื้องความใคร่ของเหล่าผู้ชายกลัดมัน
สายหื่นเป็นที่รู้กัน อยาก “แตกนอก-แตกใน” ให้ไป “นากาตะ” หรือ “นาเกลือใต้” รับประกันความเสียว อยากจะเคี้ยวหญ้าแบบไหนเลือกได้นับร้อยนางทั้งอ่อนและแก่ แต่ละนางต่างออกมายืนโบกมือดักกวักมือเรียก กันมือเป็นระวิง…
ยิ่งกว่าฉากหนัง เปลือยเปลือกชีวิตหญิงโสเภณี “คังคุไบ”ภาพยนต์ฟอร์มยักษ์จากแดนภารตะ…
ถนนทั้งสาย กลายเป็นตลาดเนื้อสด หญิงสาวชุดหวาบหวิว บ้างจับกลุ่มรอดักฮุบเหยื่อ บ้างก็ยืนต่อรองราคากับหนุ่มนักเที่ยวกระเป๋าเบา บางนางเสนอโปรโมชั่นเริงกามเป่าปี่พระอภัยก่อนไปจบด้วยเมนูตำแตงแซ่บๆ อีหนูบางคนบิ้วอารมณ์เสียวกระสันกันริมถนน แบบเย้ยผีสางเทวดา ท้าทายอำนาจรัฐ
จัดเต็ม แบบ “โนสน-โนแคร์” สายตาประชาชีที่ต้องสัญจรไปมาบนถนนเส้นดังกล่าว ซึ่งใช้เป็นเส้นทางลัดตัดไปโรงพยาบาลบางละมุงทางประตูด้านหลัง หรือ ไปสู่ถนนเส้นตลาดใหม่นาเกลือ
เอาเป็นว่าบรรดาพ่อเล้า-แม่เล้า ยึดถนนสาธารณะ ไปเป็นตลาดค้าประเวณี ทำเอาสุจริตชนคนดีๆ โดยเฉพาะหญิงสาวไม่มีใครกล้าเดินผ่านเพราะกลัวจะถูกมองเป็น“ช็อกกะรี” พรรค์นั้น… ดันถนนสาธารณะ ให้กลายเป็นสถานที่อโคจร ไปเรียบร้อยโรงเรียนออหรี่!!
แต่มันแปลกดีนะ ทำกันโจ๋งแจ้งยังกับปลดล็อก “ซ่องเสรี” ขนาดนี้ ไม่ยักมีใครได้กลิ่นน้ำเน่าคาวกาม ตำนานความหื่นย่านอัปรีย์จัญไร “นากาตะ”มันถึงยืนยงคงกระพัน ชูคออยู่คู่บางละมุงมาเนินนานกว่า 30 ปี โดยไม่มีใครกล้าแตะ!!
แฟนพันธุ์แท้นากาตะ คาบข่าวมาบอกเล่า … “พ่อเล้า-แมงดา- คนมีสี” สามสิ่งนี้ผูกมัดรวมกันเรียกว่า “ไตรอัปรีย์”เขามีความสัมพันธ์กันแน่นปึ้ก!
วงจรอุบาทว์ แต่งวงสำรับกับแกล้ม ปรุง “ส่วยน้ำกาม” ส่งให้สวาปามทุกเดือน ขุนด้วยมูลอาจมจนอ้วนพีและมีความเชื่อง ใครมันจะกล้าหือไปทุบหม้อข้าวตัวเอง มันก็คงจริงอย่างชาวบ้านเขาโจษจัน ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาเจอกัน
ไม่อย่างนั้น “นากาตะ”สิ้นชื่อไปนานแล้ว!!
แฟนพันธุ์แท้คนเก่า ยังชี้เป้าด้วยว่า…. บ่อยครั้งมักเห็นหัวเบี้ย เป็นคนมีสี ติดดาบบนบ่า มีชื่อย่อ “ปอ-ปลา” แวะมาเทียวไล้เทียวขื่อเป็นประจำ หนำซ้ำยังเป็นพ่อเล้าเจ้าสำนักโคมเขียวเสียเอง ด้วยการเปิดซ่องเป็นของตัวเองในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย
โดยมีลิ่วล้อแมงดาปีกทอง ชื่อย่อ “ตอ-เต่า” ทำหน้าที่เดินยอด เก็บเงินบาปจากซ่องนรกทุกแห่งส่งไปตามท่อน้ำเลี้ยงถึงมือเจ้าหน้าที่นอกรีดในหลายหน่วยงาน กระจายรายได้แบบฝนตกทั่วฟ้า ทุกหย่อมหญ้า…
มิน่าล่ะ เพราะมียันต์ปลอกคอนี่เอง “นากาตะ”มันถึงได้เหิมเกริม…!!
เหล่านางโลมนากาตะ เปิดบริการใต้หว่างขาตั้งแต่เย็นย่ำค่ำมืด ไปยันฟ้าสางสว่างคาตาทุกเมื่อเชื่อวัน ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันอิดหนาระอาใจ นรกขุมใหญ่เจาะกลางพื้นที่ไข่แดง ห้อมล้อมไปด้วยโรงเรียน วัดวาอาราม สถานที่ราชการหลายแห่ง แถมยังจ่อคอหอยที่ว่าการอำเภอบางละมุง แค่ปลายจมูก
แต่กลับหัวใบ้ ท้ายบอด แถมอาการ “ไซนัสอักเสบ” ยังกำเริบกันเป็นทิวแถว ไม่มีใครได้กลิ่นเน่าคาวเหม็นตุ กันเลยสักคน… หูหนาตาเล่อกันไปหมด…
แปลกแต่จริง!ยิ่งปล่อยปละละเลย ให้ “ขบวนการค้ามนุษย์” ใช้เรือนร่างหญิงสาว นำมาเป็นสินค้าบำบัดความใคร่ดูยังไงย่าน“นากาตะ”มันก็ไม่ต่างไปจากตลาดมืดโรงค้ามนุษย์ทาสกาม ดีๆ นี่เอง!?!
ไม่ว่าจะโดยสมัครใจ หรือ จำยอม ด้วยการถูกบังคับขู่เข็ญ กักขัง ข่มขืนใจก็ตาม ล้วนเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และน่าเวทนาพอๆกัน
งานนี้หาก กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังนิ่งดูดาย ทำเป็นไขสือ ไม่หือไม่อือ ดีไม่ดีอาจโดนหางเลข ฟาดด้วยแส้แช่เยี่ยว เป็นกับเขาไปด้วย…
“หูหนา ตาบอด จมูกไซนัส” เหมือนกัน!
“อั๋น พันดาว”