+ท่องเที่ยวเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวพัทยาเริ่มมีหวังหลังรัฐยกเลิก Test&Go เริ่ม 1 พ.ค.นี้ เชื่อเป็นสัญญาณดีดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่ม

จากกรณีในที่ประชุม ศบค.มีมติผ่อนคลายมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศ โดยให้มีการยกเลิก ระบบ Test&Go และให้เป็นการตรวจแบบ ATK เพียงอย่างเดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วขึ้นในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะกรณีการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยจะให้เหลือเพียงแค่การตรวจ ATK เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ พร้อมลดวันกักตัวเสี่ยงสูง ด้วยการกักตัว 5 วัน สังเกตอาการ 5 วัน และปรับพื้นที่ควบคุม สีส้ม เป็น 0 จังหวัด เพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูงสีเหลืองจำนวน 65 จังหวัด รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีฟ้า หรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เป็น 12 จังหวัด โดยจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

ด้านนายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เปิดเผยถึงการผ่อนปรนในการเดินทาง เข้าประเทศของภาครัฐ ว่าสำหรับมาตรการที่ภาครัฐออกมาล่าสุดนั้นถือเป็นข่าวดีของภาคการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการโรงแรมเป็นอย่างมาก โดยการปลอดล็อคนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการเปิดประเทศก่อนหน้านี้ประเทศไทยมีเงื่อนไขในการเดินทางเข้าประเทศหลายด้าน จนไม่สามารถนำไปแข่งขันกับประเทศคู่แข่งทางการท่องเที่ยวได้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าประเทศที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งและยังมีความยุ่งยากที่จะเดินทางเข้ามาในราชาอาณาจักร เพราะระบบเดิมนั้นจำเป็นต้องมีการตรวจ RT-PCR ทางโรงแรงจะต้องมีการจัดหารถ รวมทั้งการกักตัวระหว่างรอผลและการหาโรงพยาบาลคู่สัญญาในการตรวจ กระทั่งรัฐบาลมีการปลอดล็อคเงื่อนไขนี้ออกไป ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสะดวกมากขึ้น ภาคโรงแรมก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อมีการปลอดล็อค Teat&Go และเรื่องของการตรวจ RT-PCR ออกไป ขณะนี้พบว่ามีกระแสและการประสานงานจากกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปลดล็อคในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีแม้จะเป็นช่วงโลวซีซั่นที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวก็ตาม เพราะเรื่องการประสานงานประเทศต้นทาง รวมถึงพาร์ทเนอร์ และลูกค้าเก่าๆ ที่เคยทำงานร่วมกันด้านการท่องเที่ยวจำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมการที่จะใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง โดยภาคธุรกิจท่องเที่ยวเองก็จะมีการเตรียมตัวในเรื่องของการอัพเดทราคา รวมถึงกาศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยน ไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัวอย่างน้อย 2-3 เดือนก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงไฮท์ซีซั่น ดังนั้นการปลดล็อค 1 พฤษภาคมจึงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการที่จะร่วมกันฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับเรื่องการแข่งขันราคานั้นคงจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นแน่นอน ด้วยภาคการท่องเที่ยวต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซามานานกว่า 2 ปี จึงอยากจะฝากรัฐบาลให้มีการขยายเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ก็จะเป็นสิ่งดีในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยหลังจากที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศได้ก็ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสูงขึ้น แต่หากมีการปิดประเทศโดยไม่มีเงื่อน ไขที่ยุ่งยาก เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนหนึ่งรอคอยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างๆประเทศ ด้วยเพราะมีความสะดวกมาขึ้น อย่างไรก็ตามก็อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวในประเทศก่อน

นายพิสูจน์ เปิดเผยต่ออีกว่าเชื่อว่าหลังรัฐมีการผ่อนปรนมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศที่มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นโดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี่จะเห็นตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างกลุ่มตลาดอินเดีย กลับเข้ามาแน่นอน ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวเวียดนาม คาดว่าจะเห็นผลของการเดินทางในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ทั้งนี้ด้วยการท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลงจึงต้องใช้ระยะเวลาในการประสานประเทศต้อนทางและพาร์ทเนอร์คู่ค้าอีกครั้ง

เช่นเดียวกับ นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 4 กลุ่มพัทยาร่วมใจ ก็กล่าวถึงกรณี ศบค.มีมติยกเลิกระบบ Test&Go และการตรวจแบบ RT-PCR ออกไปเหลือเพียงแค่การตรวจแบบ ATK เท่านั้นว่า ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีอย่างยิ่ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับภาค เอกชนในการผลักดันการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว โดยการประสานงานกับภาครัฐมาโดยตลอดเนื่องจากมองว่าระบบเดิมเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางมาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลและศบค.ที่เห็นความสำคัญและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น และจะบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ค.นี้

นายสินธ์ไชย กล่าวอีกว่าเชื่อมั่นว่าจากมาตรการผ่อนปรนครั้งนี้ จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยและเมืองพัทยามากขึ้น และจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งส่วนตัวมองว่าจากเดิมในปี 2564 มีนักท่องเที่ยวรวม 2.8 ล้านคน แต่เมื่อมีมาตรการนี้ออกมาคาดว่าในช่วงไฮซีซั่นจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น 100% แน่นอน.

เงื่อนไข การเข้าประเทศไทย

ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2565 เป็นต้นไป

นักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศไทยจะต้องผ่านระบบ Thailand Pass พร้อมแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด และต้องทำประกันสุขภาพในวงเงินประกัน 10,000 USD หลังจากเดินทางมาถึงไทยแนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากพบเชื้อให้ไปรักษาทันที แต่ถ้าหากไม่พบเชื้อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศ

สำหรับผู้ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับไม่ครบตามเกณฑ์ สามารถยื่นหลักฐานผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงประเทศไทย และลงทะเบียนแสดงหลักฐานดังกล่าวในระบบ Thailand Pass ก็จะสามารถเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้เช่นเดียวกับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ (Vaccinated Travellers) หรือ
– กักตัวตามระบบ AQ โดยตรวจ RT-PCR Day 4-5
– แนะนำให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อ ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัย หรือตามความรับผิดชอบส่วนบุคคล

ที่มา : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

#ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19
#ศูนย์ข้อมูลCOVID19
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ