ผอ.เจ้าท่าพัทยา เผยโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ชลบุรี-สงขลา กระแสตอบรับดี เสริมระบบโลจิสติกส์ขนส่งท่องเที่ยวทางทะเล

นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เปิดเผยถึงโครงการเดินเรือเฟอร์รี่ระหว่างจ.ชลบุรี-จ.สงขลา ว่ากระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่าได้มีการผลักดันในส่วนของการเดินเรือคอสอ่าวไทย จากท่าต้นทางท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (ท่าเรือจุกเสม็ด) ไป ท่าเรือเซ้าท์เธิร์น โลจิสติกส์ 2009 จ.สงขลา โดยเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เดิมชื่อ Blue Dolphin มีขนาด 7,003 ตันกรอสส์ ความยาว 136.6 เมตร รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 80 คัน รถยนต์ส่วนตัว 20 คัน ผู้โดยสารประมาณ 586 คน ด้วยความเร็ว 17 น๊อต ใช้เวลาเดินทาง 18-20 ชม. เร็วกว่าทางบกที่ระยะทาง 1,130 กม. ช่วยร่นระยะทาง 519 กม. ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติกส์ในภาพรวมการขนส่งภายในประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ อีกทั้งเพื่อลดปัญหา ความแออัดของการจราจร ลดการเกิดอุบัติเหตุท้องถนน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

นายเอกราช กล่าวอีกว่าในส่วนพื้นที่ทางทะเลนั้นกรมเจ้าท่ามีความพร้อมในการควบคุมการจราจร ความปลอดภัยในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง อีกทั้งทางเทียบเรือต้นทางที่สัตหีบก็มีความพร้อมในการนำเรือเข้าเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการเปิดให้บริการที่ผ่านมา บริษัทที่รับผิดชอบในการให้บริการเรือเฟอร์รี่ ซีฮอร์ส เส้นทางชลบุรี (สัตหีบ)-สงขลา พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการ ประชาชนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจากสงขลาและพัทยา มีจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีผู้มาใช้บริการแบบเต็มลำเรือที่สามารถให้บริการได้ แต่แนวโน้มในภาพรวมเป็นไปในทางที่ดีขึ้น

อีกทั้งยอดจำนวนรถที่เดินทางมาจากสงขลามาพัทยาก็มีจำนวนมากขึ้นจาก 10 คัน เพิ่มาเป็น 20 คัน และเพิ่มมาถึง 30 คัน เป็นรถบรรทุกเทเลอร์ขนาดใหญ่ จะสามารถช่วยในเรื่องของการขนส่งของประเทศ เพิ่มมูลค่าด้านการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝั่ง บริเวณอ่าวไทยตัว ก.ได้เป็นอย่างดี

ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ระบุด้วยว่าสำหรับการให้บริการเรือเฟอร์รี่เส้นทางชลบุรี (สัตหีบ)-สงขลา เรือจะออกให้บริการเส้นทางสัตหีบ-สงขลา ทุกวันอังคาร และเส้นทางสงขลา-สัตหีบ ทุกวันพุธ เป็นตารางการเดินเรือในช่วงเดือนธันวาคม 2564 หากในอนาคตมีกระแสตอบรับเพิ่มขึ้น จะมีการปรับเปลี่ยนการให้บริการการเดินเรือเพิ่มมากขึ้นตามสถานการณ์ต่อไป.