อาชญากรรม

แค่เปรียบเทียบปรับชายอ้างตัวอาสาช่วยงานตร.-รถแสดงหลักฐานไม่ได้

จากกรณีที่สังคมโซเชียล โพสต์ภาพ ผู้ชาย สวมเสื้อกั๊ก ติดตรา สอบสวน ตัวใหญ่ด้านหลัง ขี่จักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ระบุข้อความ ทีแบบนี้แล้วไม่จับหมวกกันน็อคก็ไม่ใส่ป้ายทะเบียนก็ไม่ติด ตำรวจยืน อยู่ข้างๆก็ไม่จับ (ที่นี่คือบางละมุง) สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงภาพลักษณ์วงการตำรวจเป็นอย่างมาก ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของบุคคลดังกล่าว

ต่อมาเมื่อช่วงดึกวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้คุมตัว นายพันกร วิมลมุกข์ อายุ 55 ปี ส่งพนักงานสอบสวนสภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับเต็มอัตรา ในการกระทำผิดในฐานไม่สวมหมวกกันน็อคนิรภัย และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในอัตราค่าปรับรวม 900 บาท พร้อมนำรถของกลางคือรถที่ขี่ตามภาพ แต่ปรากฏได้นำรถมาถึงสองคัน เป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน แต่คนละสี มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความฉงนใจ จึงขอยึดไว้ตรวจสอบ โดยคันแรกเป็นรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กข 774 ศรีสะเกษ และจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้าคลิก 125 สีนำ้เงิน คล้ายกับที่ปรากฏในสังคมโซเชียล ติดป้ายแดง ง-4099 ลักษณะเลือนลางไม่ชัดเจน

เมื่อสอบถามนาย พันกร ให้การอ้างว่า ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคนิรภัยนั้นเพราะ เคยประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ จึงไม่สามารถสวมหมวกกันน็อคได้ ในสถานที่โดนถ่ายภาพนั้นน่าจะเป็นสี่แยกไฟแดงโรงไม้ขีด ส่วนที่สวมเสื้อกั๊กนั้น เพราะได้รับมอบหมายให้ช่วยงานสารวัตรท่านหนึ่ง โดยไม่เปิดเผยว่า เป็นใครและประจำอยู่ที่สถานีไหน ซึ่งมีหน้าที่ส่งเอกสาร ที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนนั่นเพราะทะเบียนหล่นหาย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้เปรียบเทียบปรับ ตามข้อหาที่กระทำผิด ส่วนตัวรถที่ใช้นั้นยังไม่มีเอกสารมาแสดง จึงไม่สามารถชี้แจ้งได้ว่ามีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมายได้ หากเป็นรถที่ผิดกฎหมายก็จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นข้อครหากับสังคมต่อไป

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่าผู้กระทำผิดรายนี้เคยปรากฏเป็นข่าวต้องสงสัยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตำแหน่งสารวัตร ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำดีเป็นอย่างมาก กระทั่งมาปรากฏเป็นผู้กระทำผิดกฎจราจร หลายข้อหา และสวมเสื้อกั๊ก สอบสวน ทำให้ประชาชนที่พบเห็น เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดเอง.