วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
+อาชญากรรม

ร้อนตัว!? ชายอ้างเป็นสว.สส. สภ.บางละมุง โทรโวยสื่อ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องบ่อนการพนัน ที่สืบจังหวัดบุกทลายรวบ 30 นักพนันคารีสอร์ท ขู่อย่าใช้สื่อทำลายตำรวจ

จากกรณีที่เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 14 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรี ชุด 4 ได้นำกำลังเข้าทลายบ่อนการพนัน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ที่ภายในรีสอร์ท ตำบลตะเคียนเตี้ย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สามารถจับนักพนันได้ทั้งหมด 30 คน พร้อมของกลางเป็นไพ่ โต๊ะ อุปกรณ์การเล่น และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง มารับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดี และมีการให้ข้อมูลในเชิงลึกว่า บ่อนการพนันแห่งนี้ มีคนมีสีระดับสารวัตรในพื้นที่ เป็นผู้อนุญาต

ต่อมาเมื่อเวลา 17:27น. วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายลึกลับใช้โทรศัพท์เข้ามาหา อ้างว่าเป็นสารวัตรตำรวจสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังบอกว่าตนได้ถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปสอบสวนและต่อว่า อีกทั้งเพื่อนร่วมงานในสถานียังพากันตั้งข้อสงสัยว่าตนเป็นผู้อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนัน-นำพาให้มาเล่น ณ จุดแห่งนี้ พร้อมพูดคุกคามว่า “ใช้สื่อเป็นเครื่องมือทำลายตำรวจ” คุณได้อะไร

ผู้สื่อข่าว ตอบไปว่า ใครไปว่าอะไร เจาะจงอะไรว่าเป็นสารวัตร ไม่ใช่สารวัตร แล้วสารวัตรจะมาร้อนตัวทำไม ที่ผู้บังคับบัญชาเรียกไปสอบสวนและต่อว่า คงเป็นหน้างานที่สารวัตรรับผิดชอบ หากมีบ่อนการพนันไปเขตพื้นที่ แบบนี้สารวัตรก็ดิ้นไม่หลุดอยู่แล้ว ก่อนให้กำลังใจว่า “สู้ๆ” อย่าไปคิดอะไรมาก ผู้บังคับบัญชาไม่ได้โง่หรอก วันนี้เขาเช็ค พรุ่งนี้เขาก็รู้ ว่าบ่อนการพนันแห่งนี้เป็นของใคร และตำรวจนายใดเป็นผู้อนุญาต

แต่ชายที่อ้างว่าเป็นสารวัตรตำรวจสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ยังพูดจาคุกคามไม่หยุด จึงตัดสายโทรทิ้งไป เพื่อไม่ให้เกิดการประทะคารมณ์กันอย่างรุนแรง ไม่ยอด

ผู้สื่อข่าวเปิดเผยอีกว่า ได้รับงายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงว่า บ่อนการพนันแห่งนี้เป็นของชายไทยคนหนึ่ง ที่นักพนันในภาคตะวันออกรู้จักกันดี มีฉายาเรียกกันว่า “แจ็ค ศรีราชา” เป็นบ่อนวิ่ง เข้าๆออกๆ โดยมีนายตำรวจยศสารวัตรนายหนึ่ง ที่อยู่ในเขตพื้นรู้เห็น และจะคอยกำหนดว่าให้ไปเล่นจุดพื้นที่ไหน-เปิดเล่นได้-หรือเล่นไม่ได้ พร้อมกับจ่ายส่วยให้กับสารวัตรนายนี้เป็นรายวัน เป็นตัวเลขหลักหมื่นบาท

ทั้งนี้วอนผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 2 ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากพบมีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอให้ช่วยดำเนินคดีทางวินัยขั้นเด็ดขาด เพื่อสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับตำรวจ