เงื่อนงำ…ทลายบ่อนอินเดีย ไอ้โม่งชักใย ใครเอ่ย?
“อมโบสถ์ทั้งหลังมาพูด ก็ไม่มีใครเชื่อ..”
เสือจะให้ร้องเอ๋ง มันก็คงไม่ใช่!
ข่าว ตำรวจ บุกทลาย “บ่อนโรตี” ในโรงแรมชื่อดัง กลางเมืองพัทยา
ถ้ามันไม่มีอะไรในกอไผ่? ป่านนี้เสียงอื้ออึ้งคงเงียบหูไปแล้ว!
แต่…ทำไม คำถามจากสังคม ยังดังระเบ็งเซ็งแซ่?!?!
เวลาราว 5 ทุ่มกว่า วันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้การฯชลบุรี พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผู้กำกับฯสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผู้กำกับฯ สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผู้กำกับฯ ตม.จว.ชลบุรี
ระดมตำรวจกว่า 100 นาย ปิดล้อมโรงแรมหรูระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ริมถนนพระตำหนัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบรู้ว่า ลักลอบเปิดบ่อนพนันขนาดใหญ่ ภายในห้องประชุมชั้นล่างของโรงแรม
บุกเข้าไป แทบช็อก มันใช่ไหม? ภาพตรงหน้า!
นักพนันจากแดนภารตะ กว่า 100 คน กำลังล้อมโต๊ะบาคาร่าที่มีด้วยกันหลายจุด รวบตัวทั้งหมดนับได้ 84 คน แยกเป็นชาย 68 คน ผู้หญิง 16 คน คนไทย 6 คน แรงงานชาวพม่า 4 คน
ตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด มูลค่า 209,215,000 รูปี คิดเป็นเงินไทย 87,363,790 บาท โทรศัพท์ 92 เครื่อง ไพ่ 16 สำรับ โน็ตบุ๊ค2 เครื่อง เครื่องนับเงิน1 เครื่อง และเตาสูบบารากู่ จำนวนหนึ่ง
หลังจากตรวจยึดสมุดเครดิตของนักพนัน กว่า 40 เล่ม
ทำให้ทราบว่า “บ่อนอินตะระเดีย”แห่งนี้ มีเงินสะพัดหมุนเวียนกว่า500 ล้านรูปี คิดเป็นเงินไทยประมาณ 200 ล้านบาท
แถมยังถ่ายทอดสดพนันโป๊กเกอร์ออนไลน์ กลับไปให้คนที่อินเดียแทงอีกด้วย!
แก๊งจีนเทา ที่เขาว่าแสบสุดทรวงแล้ว แต่มาเจอ แก็งโรตีสีเทา แสบยิ่งกว่า ซีม่าทาลูกกระโปร่ง!
เอาเป็นว่างานนี้มี นางสาวสิตรานันท์ แก้วหล่อ วัย 32 ปี ออกมารับหน้าเสื่อ สารภาพเป็นผู้จัดทัวร์พนันข้ามชาติ โดยเช่าห้องประชุมโรงแรมวันละ 120,000 บาทเปิดบ่อน พร้อมยืนยันว่าทางโรงแรมไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย..
ทำเอาสังคมถึงกับ “อึ้งกิมกี่”
ขณะที่ตำรวจเองก็…ใบ้แดก!
แถมยังถูกโยน “เผือกร้อน”ใส่ หัวซุกหัวซุน!
นางสาวสิตรานันท์ อ้างว่าเพราะจ่ายส่วยแล้วถึงเปิดได้ ตัวเลขกลมๆ 2.4 ล้านบาท โดยอ้างมีนายภาคิน และนายเอก เป็นคนเคลียร์ รับเงินไปปิดหู ปิดตา ปิดปากเจ้าหน้าที่ หลังเปิดไฟเขียว เล่นได้แค่ 2 วัน ตำรวจก็ยกโขยงมาลุยบ่อนแตก!!
แหวกกอไผ่ เห็นอะไรกันไหมพี่น้องงงง?
ประเด็น ชาวอินเดียกลุ่มนี้ เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 และมีกำหนดกลับ 1 พฤษภาคม 2566 เป้าหมายไม่ได้ต้องการมาท่องเที่ยว แต่ใช้ท่องเที่ยวบังหน้า
จงใจบินลัดฟ้ามาเล่นพนัน!
ถึงจะมีคนรับหน้าเสื่อว่าเป็นคนจัด…
แต่ถ้าเจ้าของบ้าน โบ้ยว่า ไม่รู้เรื่อง… ดูแปลกไม่พอ ยังทะแม่งๆแปร่งๆชอบกล
โต๊ะ เก้าอี้ เครื่องนับเงิน อุปกรณ์สำหรับใช้เล่นการพนันมากมายทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่ “ถุงยางอนามัย” พกใส่กระเป๋ากางเกง เอาเข้าไปอยู่ในห้องประชุมง่ายๆ โดยไม่มีใครรู้เห็น…
ในความเป็นจริงต่อให้เป็นเด็กน้อยอมมือก็มองออกว่าจะต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขนกันมา จะต้องใช้ผู้คนไม่ใช่น้อย ยกเข้าไปจัดวาง งานใหญ่นะวิ!
“เฮียบอก… ไม่รู้” มันดูง่ายไปเจ้าคะ!
คิดแค่นี้ “ตรรกะวิบัติ”แล้ว
ถ้าบอก เจ้าของสถานที่ ไม่รู้ไม่เห็น!! มันเป็นแปลกๆอยู่ครับท่านผู้การฯ
ย้อนไปปมฉาว“เผือกร้อน”หลังบ่อนนรกพินาศยับแล้ว พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้การฯชลบุรี ออกมาโต้… ไม่เป็นความจริง
สืบเอง วางแผนเอง ส่งสายเข้ามาดู ก่อนลุยจับเอง!!
มีการตั้งข้อสังเกตว่าทางโรงแรมมีส่วนรู้เห็นหรือไม่? และคนที่จัดให้มีการเล่นการพนันอ้างว่ามีการจ่ายเงินให้นายภาคิน และนายเอก 2 ล้านกว่าบาท เพื่อเป็นใบเบิกทางในการเปิดบ่อนในครั้งนี้
ขอยืนยัน ไม่ได้จ่ายให้ตำรวจสักสตางค์แดงเดียว!
แต่เพื่อให้ความจริงปรากฏ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จึงมีคำสั่ง ที่ 173/2566ลงวันที่1พฤษภาคม2566แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ!
หัวขบวนออกมาชนหนักขนาดนี้ ดูซิจะมีหางตัวไหนกล้าส่าย!!
“ส่วยเงินล้าน”จะเป็นจริงตามคำกล่าวอ้างหรือไม่ หรือแค่ต้องการโยนเผือกร้อนใส่ตำรวจ ให้เต้นแรงเต้นกา
ตัวละครที่ชื่อ ภาคิน กับ เอก ตำรวจต้องตามจิก ให้รู้ว่ามีตัวตนจริงไหม? หรือแค่พวกผีเฝ้าบ่อน ถ้ามีตัวตนจริง รับเงินมาจริง รับแล้วจ่ายใคร?…. ลากไส้มันออกมา อย่าให้ตำรวจเป็นแพะ
ทัวร์พนันข้ามชาติถือเป็นขบวนการทำลายชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวรุนแรงย่อยยับ ไม่ต่างไปจากทัวร์ศูนย์เหรียญ นับเป็นอาชญากรรมอีกรูปแบบหนึ่ง บังหน้าด้วยการท่องเที่ยว
ถ้าไม่เร่งกำจัดขุดรากถอนตอ ต่อไปคงมีคณะทัวร์หัวขโมย ทัวร์มหาวายร้าย ทัวร์โจรปล้นสะดมฯลฯ จัดอีเวนท์บินข้ามโลกเข้ามาเปิดโรงแรม ออกล่าเหยื่อ ปักธง“ไทยแลนด์แดนฟรีด้อม” เป็นชุมทางอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างหนุกหนาน
ส่วน “เฮีย” เจ้าของบ้าน เรื่องแบบนี้ มันคงไม่มีใครหรอก ที่จะออกมาบอกอย่างหน้าชื่นตาบานว่า…เออเฮียเอง!
ดูอย่างคดีฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง “แอม ไซยาไนด์” ขนาด “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.สั่งตำรวจไล่หาพยานหลักฐานมามัดแน่นเป็นเปลาะๆ นางยังปากแข็งยืนกระต่ายขาเดียว
อย่าลูบหน้าปะจมูก เกรงอกเกรงใจในอำนาจเงินตรา หรือฐานะทางสังคม เป็นพระต้องสวดเป็นตำรวจต้องจับ…หน้าที่คือต้องพยายามแสวงหาพยานหลักฐาน มัดผู้กระทำความผิด ผู้สนับสนุน หรือ ลากคอไอ้โม่งตัวการ ออกมา!
อย่าให้ มนตราอาคมวิชาตำรวจเสื่อม เพราะแค่บอก “ไม่รู้” คำเดียว แล้วพากันม้วนเสื่อกลับโรงพัก
เรื่องนี้..มันต้องขยาย!
อย่าให้ ค้างคาใจประชาชน….
อั๋น พันดาว