ขอคืนพื้นที่!เมืองพัทยาเตรียมเรียกคืนพื้นที่วังสามเซียน รุกที่สาธารณะกว่า 5 ไร่

จากกรณีเกิดข้อพิพาทฟ้องร้องกันเรื่องของปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ในชั้นศาลระ หว่างเมืองพัทยากับมูลนิธิมหากิจไพศาล ซึ่งดูแลพื้นที่มูลนิธิวังสามเซียน บนเขาพระใหญ่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี บนที่ดินกว่า 5ไร่ ด้วยเมืองพัทยาระบุว่าการก่อสร้างอาคาร องค์เซียน และเทพเจ้าต่างๆในพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นการบุกรุกที่สาธารณะ และมีการออกคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ตามขบวนการไปแล้ว

ขณะที่ทางมูลนิธิฯ ระบุว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตั้งแต่สมัยกองทัพเรือเป็นผู้ดูแล และได้แจ้งให้ทางเมืองพัทยาทราบก่อนดำเนินการ ด้วยการจัดสร้างนั้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่ได้จัดทำเพื่อหาประโยชน์ ซึ่งผลการพิจารณาของศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทางมูลนิธิฯไม่มีความผิดและดำเนินการต่อไปได้ ขณะที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาระบุว่าคำสั่งของเมืองพัทยาชอบด้วยกฎหมาย กระทั่งมีการนำเรื่องขึ้นสู่ขบวนการทางกฎหมายอาญาจนที่สุดศาลแขวงพัทยามีคำพิพากษาให้ทางมูลนิธิฯ มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ด้วยการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ โดยมีโทษให้ปรับ และรอลงอาญา เนื่องจากจำเลยมาอายุมากและมีเจตนาในการพัฒนาที่ดินรกร้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ให้มูลนิธิฯ ออกจากและส่งคืนที่ดินดังกล่าวแก่รัฐนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2562 นายปราโมทย์ ทับทิม รองปลัดเมืองพัทยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิติกรชำนาญการ กลุ่มงานกฎหมายเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา เข้าพบผู้บริหารของมูลนิธิดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมเจรจาถึงความเป็นมา รวมทั้งความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อนำที่ดินดังกล่าวกลับมาดูแลตามอำนาจและคำสั่งของศาล นำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาเพื่อใช้และให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณะในอนาคต โดยมีตัวแทนของทางมูลนิธิฯ เข้าร่วมรับฟัง โดยระบุว่ากรณีวังสามเซียนจัดสร้างมาแต่สมัยที่กองทัพเรือยังเป็นผู้ดูแลที่ดินบนเขาทั้งหมด ซึ่งก็ได้ขออนุญาตและแจ้งให้เมืองพัทยาทราบแล้ว และเจตนาที่สำคัญคือต้องการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และที่ตั้งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้มาเคารพสักการะโดยได้มีเจตนาในการแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ กระทั่งมีการแจ้งความเอาผิดทางกฎหมาย ซึ่งต่อมาทางมูลนิธิฯได้ทำเรื่องเพื่อส่งมอบอาคารและที่ดินดังกล่าให้กับเมืองพัทยาไปแล้วตั้งแต่ปี 2559 เพียงแต่มีข้อแม้ที่ยื่นแถลงต่อศาลว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหาร โดยมีตัวแทนจากเมืองพัทยาเข้าร่วมเพื่อเปิดดำเนินการต่อไป โดยจะไม่มีการหาประโยชน์หรือแสวงหาประโยชน์แต่อย่างใด แต่เมื่อเมืองพัทยาแจ้งว่าปัจจุบันต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพียงขอให้มีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

ด้านนายปราโมทย์ ทับทิม รองปลัดเมืองพัทยา กล่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อดูสถานที่จริง รวมทั้งรับฟังและแจ้งเรื่องให้กับทางมูลนิธิฯวังสามเซียนได้รับทราบว่าเมืองพัทยาต้องดำเนินการตามขั้น ตอนทางกฎหมาย ซึ่งทางมูลนิธิฯให้ความร่วมมือด้วยดี โดยจากนี้จะได้นำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เบื้องต้นน่าจะเป็นการเรียกขอดูเอกสารการส่งมอบที่เคยจัดทำไว้ หรือการจัดทำเอกสารทางราชการเพื่อการส่งมอบอย่างเป็นทางการขึ้นใหม่ จากนั้นจึงจะเข้ามาจัด การบริหารดูแลพื้นที่ดังกล่าวโดยจะส่งเรื่องไปยังจังหวัดชลบุรีและกระทรวงมหาดไทยให้รับทราบ

ส่วนทรัพย์สินทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาคาร องค์เทพ และองค์เซียนต่างๆ นั้น คงจะมีการนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการพิจาณาจัดหาประโยชน์ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ทั้งเรื่องของการดูแล การบำรุงรักษา การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อสาธารณะ หรือการจัดจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ด้านนี้เข้ามาดูแลโดยจะได้มีการจัดหารายได้เข้าสู่เมืองพัทยาต่อไป.