ภาคธุรกิจมั่นใจหากคนในพัทยาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ศบค.อาจคลายล็อคการคุมเข้มพื้นที่
ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีมติเห็นชอบ ปรับระดับพื้นที่ใหม่ เป็น 3 ระดับ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีข้อกำหนดแตกต่างกัน เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุด ที่ประชุม ศบค. ได้มีมติปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยจากเดิม 6 จังหวัดที่อยู่ในระดับ สีแดงเข้ม “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” คือ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, เชียงใหม่ , นนทบุรี,ปทุมธานี, สมุทรปราการ ให้เหลือเพียง 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ,ปทุมธานี ,สมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จำนวน 17 จังหวัด ดังนี้ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลา และสุราษฎร์ธานี
นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เผยว่า หลังจากที่จ.ชลบุรี มียอดจำนวนผู้ป่วยลดลง จนทำให้ ศบค.ประกาศเปลี่ยนสีจากพื้นที่สีแดงเข้ม เป็นสีแดง ส่งผลให้หลายกิจกรรมได้รับการปลดล็อค จากภาพรวมและข้อดีหลังจากที่ ศบค.ประกาศเปลี่ยนพื้นที่ จังหวัดชลบุรีจากสีแดงเข้ม เป็นแดง นั้น พบว่าปัจจุบันภาพรวมของเศรษฐกิจต่างๆเริ่มดีขึ้น การระบาดของโรคลดลง ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือธุรกิจร้านอาหารต่างๆ เริ่มเดินหน้าได้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจะไม่ดีขึ้นเหมือนเดิมแต่ก็พอจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้การที่เปลี่ยนจากสีแดงเข้ม เป็นสีแดง ก็เป็นความหวังว่าในอนาคตว่าจังหวัดชลบุรี อาจจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีส้ม เพราะหากประชากรในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ได้รับการฉีดวัคซีนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ น่าจะได้รับการปลดล็อคในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ในส่วนของภาคบริการเองขณะนี้มีบุคลากรภาคบริการเข้ารับการฉีดวัคซีนกันแล้วอย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาได้เป็นอย่างดี และหากพบว่าในอนาคตตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง น่าจะมีการคลายล็อคมาตรการต่างๆได้มากขึ้น จะเป็นส่วนทำให้เศรษฐกิจเดินหน้ากันได้ต่อไป