เมืองพัทยา ร่วมภาคธุรกิจท่องเที่ยว เตรียมชงแผน SOP เปิดเมืองรับท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว หากแผนฉีดวัคซีนตรงเป้า 9 แสนโดส
ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประธานประชุมแผน Pattaya move on พร้อมด้วย นายขจรเดช อภิชาตตรา[-กุล ผอ.ททท. สำนักงานพัทยา นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก นายบุญอนันต์ พัฒนสิน เป็นนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา และตัวแทนภาคท่องเที่ยว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ในที่ประชุมหารือและข้อสรุปการจัดทำแผน Pattaya move on ในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วมายังพื้นที่เมืองพัทยา อำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ โดยไม่ต้องกักตัวแต่ต้องอยู่หรือในพื้นที่ 2 อำเภอนี้อย่างน้อย 7 วัน ก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ภายใต้แนวคิด Neo Pattaya ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับรับนักท่องเที่ยว โดยกลุ่มประเทศที่จะเปิดรับเข้ามาในพื้นที่นั้นจะเป็นกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ ตามรายชื่อจากกระทรวงสาธารณสุข และเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์วัคซีนแต่ละชนิดแล้วในระยะเวลาการฉีดวัคซีนมากกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้วัคซีนที่นักท่องเที่ยวได้รับจากประเทศต้นทางนั้นจะต้องรับรองโดยรัฐบาลของประเทศนั้นๆ ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12-18 ปี จะต้องได้รับการตรวจโควิด-19 มาแล้วก่อนเดินทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง พร้อม Covid-19 free Certificate โดยนักท่องเที่ยวต้องพักอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA+และสามารถทำกิจกรรมใช้บริการได้จากสถานประกอบการตามพื้นที่ที่กำหนดที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ เท่านั้น อีกทั้งจะต้องรายงานตัวผ่านระบบแอพพลิเคชั่นที่รัฐบาลกำหนดทุกวันตลอดเวลา 7 วันที่พักอยู่ในพื้นที่ ซึ่งแผน Pattaya move on เป็นการดำเนินการภายใต้มาตรการ SOP หรือ Standard Operation Procedure 12 มาตรการ อาทิ 1.มาตรการรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและสุวรรณภูมิ 2.มาตรการเดินทางจากสนามบินเข้าที่พัก 3.มาตรการบริการบริการระหว่างลูกค้าเมื่อมาถึงจุด Check in ของโรงแรม 4.มาตรการท่องเที่ยวชายหาด 5.มาตรการจัดการสำหรับพื้นที่พักผ่อนแบบองค์รวม 6.การท่องเที่ยวและการเดินเรือ และ7.มาตรการสำหรับผู้ให้บริการ โดยสถานประกอบการ หรือโรมแรมที่จะเข้าร่วมต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน SHA+ เป็นหลัก ซึ่งการดำเนินการตามแผนดังกล่าวจะบรรลุเป้าหมายนั้นประชากรและแรงงานในพื้นที่เมืองพัทยา อำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 70% ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อจะสามารถเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยวปลายเดือนตุลาคม 2564 โดยมีกลุ่มประเทศเป้าหมายหลัก คือเยอรมันและรัสเซีย
ด้านนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับแผน Pattaya move on เป็นความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา โดยมีการนำเสนอผ่านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการหารือเพื่อจะเดินหน้าต่อด้านการท่องเที่ยว อย่างเมืองพัทยาที่เชื่อมโยงไปกับเรื่องของวัคซีนที่จังหวัดชลบุรีจะต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนเพื่อจะนำมาฉีดวัคให้กับประชาชนตามเป้าหมาย70% โดยในส่วนของแผน Pattaya move on เป็นการโฟกัสไปยังพื้นที่ท่องเที่ยว โดยททท.พัทยาได้นำพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดต่อในอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบเป็นหลักในการจัดทำแผนดังกล่าว โดยประชากรที่จะได้รับวัคซีนโควิดตามเป้าหมาย70% นั้นจะต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวน 900,000 โดส ตามแผนของ Pattaya move on ซึ่งได้มีการวางแผนจัดฉีดวัคซีนวันละ 15,000 โดส ในพื้นที่พัทยาและพื้นที่โดยรอบ เพื่อให้สามารถเปิดเมืองพัทยารับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวในไตรมาสที่ 4 ตามแผนที่รัฐบาลกำหนดไว้
ทั้งนี้แผน Pattaya move on ที่เมืองพัทยา ททท.พัทยา และภาคธุรกิจ ได้ร่วมกันจัดทำขึ้นหลังจากนี้มีการนำเสนอให้ทางสาธารณสุขเห็นชอบ ก่อนจะผ่านไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) และส่งต่อไปให้ ศบค.พิจารณาอนุมัติ ก่อนกลางเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อให้สอดรับกับแผนการฉีดวัคซีนที่ทางรัฐบาลได้กำหนดไว้ โดยในส่วนเมืองพัทยาและภาคท่องเที่ยวได้มีการเสนอแผนการพิจารณาและการเพิ่มสัดส่วนของวัคซีนที่จะมีการจัดสรรให้กับจังหวัดชลบุรี เพื่อจะสามรรถขับเคลื่อนการป้องกันการแพร่ระบาดและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดชลบุรีเดินหน้าต่อไปได้.