สถานทูตญี่ปุ่น ติดตามความคืบหน้าโครงการศึกษาออกแบบโมโนเรล พัทยา
ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเมืองพัทยา ให้การต้อนรับ นายทะสึโอะ ไซโต First Secretary Economic Analyst สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ นายทาคาฟุมิ เซกิซาว่า Second Secretary and Infrastructure Attaché สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในโอกาสที่เดินทางเข้าเยี่ยมและหารือเกี่ยวกับโครงการพัทยาโมโนเรล พร้อมสอบถามถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา หลังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
นายกเมืองพัทยา ได้ชี้แจงว่า หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวหลักของพัทยาหายไปถึง 95 % รัฐบาลและเมืองพัทยาได้มีการหามาตรการแนวทางในการช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการและพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายผ่านพ้นวิกฤตที่เกิดขึ้นไปให้ได้ หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก็ได้มีการวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยาด้วยการรองรับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยให้มีสัดส่วนเท่ากับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ส่วนโครงการศึกษาความเหมาะสมออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เมืองพัทยา รูปแบบรถไฟฟ้ารางเบา หรือ โมโนเรล นั้นการดำเนินการโครงการฯได้ศึกษาแล้วเสร็จและมีการตรวจรับงวดงานสุดท้ายไปแล้ว และได้คัดเลือกรูปแบบการก่อสร้างเป็นรถไฟฟ้ารางเบา สายสีเขียว ซึ่งเป็น 1 ในจำนวน 4 สาย ตามโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนแม่บทด้านการจราจรและขนส่งในระยะสั้น ทั้งนี้รถไฟฟ้ารางเบาสายสีเขียว มีระยะทาง 9.9 กิโลเมตร รวม 12 สถานี เริ่มจากสถานีรถไฟพัทยากลางสิ้นสุดท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย งบประมาณการก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบขนส่งสาธารณะสายสีเขียว เป็นเงินต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของโครงการรวทั้งสิ้น 26,922 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมค่าเวนคืนที่ดิน ประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยรูปแบบการลงทุนจากผลการศึกษาจะเป็นแบบ PPP อีกทั้งจากการศึกษาโครงการเห็นควรก่อสร้าง TOD บน DAPOT บริเวณถนนพัทยาซอย 3 ถนนพัทยาสาย 3 ใกล้ท่าเรือแหลมบาลีฮาย บนพื้นที่รวม 44 ไร่ นอกจากนี้เมืองพัทยาได้เตรียมการรองรับ กรณีผู้ได้รับสัมปานโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสถานี จากสถานีรถไฟพัทยากลางไปเป็นสถานีรถไฟบ้านห้วยขวาง ต.ห้วยใหญ่ ด้วยการศึกษาเพิ่มเติมโครงการ ทำให้โครงการว่าจ้างที่ปรึกษการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องเมืองพัทยาและสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนมบิน ซึ่งมีระยะทางห่างจากจุดเดิมลงไปทางทิศใต้ของเมืองพัทยาประมาณ 15 กิโลเมตร งบประมาณศึกษาเพิ่มเติม 35 ล้านบาท
ต่อมา นายสนธยา ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ว่า การเข้าพบของคณะจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในครั้งนี้ ด้วยมีความสนใจโครงการโมโนเรลที่เมืองพัทยาได้มีการศึกษออกแบบเสร็จแล้วและในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) โดยได้มีการลงพื้นที่ศึกษาเส้นทางการพัฒนาโมโนเรล รวมไปถึงพื้นที่จัดทำTOD อีกทั้งยังได้มีการแนะนำเรื่องของการพัฒนารูปแบบการเชื่อมโยงระหว่างระบบรางกับการพัฒนาพื้นที่ในรอบสถานี ซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก นอกกจานี้ทางคณะยังได้มีการแนะนำเทคโนโลยีระบบรถไฟฟ้าที่ใช้ในระบบรางที่เป้นล้อยาง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในประเทศญี่ปุ่น และเป้นเทคโนโลยีที่ลดมลภาวะทางเสียงอีกด้วย.