รฟท.รุดหารือเมืองพัทยาตรวจสอบแนวติดสัญญาเช่าพื้นที่ อาจมีผลกระทบระหว่างก่อสร้างรฟฟ.ความเร็วสูงเชื่อม3 สนามบิน
ที่ห้องประชุมศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมประชุมพิจารณารูปแบบเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เพื่อตรวจดูเส้นทาง ผลกระทบ การเวนคืน และการชี้แผนแนวทางการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างกัน รวมทั้งกรณีสัญญาเช่าพื้นที่ถนนเลียบทางรถไฟระยะทาง 16 กม.ที่เมืองพัทยาทำไว้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งอาจเกิดผลกระทบจากโครงการดังกล่าว โดยมีนายวิเชษฐ์ ดีประเสริฐ หัวหน้ากองจัดการทรัพย์สินภาคกลางและภาคตะวันออก การรถไฟแห่งประเทศไทย นายพรเจริญ ธนานาถ ผู้แทน บ.รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน (กลุ่มกิจการร่วมค้า บ.เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งจำกัด และพันธมิตร) และตัวแทนจาก บ.อิตาเลียน-ไทย เข้าร่วม
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน (High Speed Rail Linking Three Airport) เป็นโครงการในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ตามแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC โดยเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณในการดำเนินการกว่า 2.24 แสนบาท ซึ่งปัจจุบันได้มีการลงนามสัญญาลงทุนโครงการลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชร หรือ PPP Net Cost ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย กับภาคเอกชนไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยจะทำการศึกษา สำรวจ และก่อสร้างโครงการถไฟ ฟ้าความเร็วสูงระยะทาง 220 กม.ความเร็วสูงสุด 250 กม./ ชม.โดยมีสถานีแวะพักจอด 10 แห่ง และมีแผนที่จะก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี
หัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ เป็นการสอบถามและหาความร่วมกันในการพิจารณาแนวทางเส้น ทางการเดินรถของการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่พาดผ่านพื้นที่เมืองพัทยาตลอดระยะทางกว่า 16 กม.ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เมืองพัทยาทำสัญญาเช่ากับการรถไฟแห่งประเทศไทยไว้ในการจัดทำถนน Local Road หรือถนนเลียบทางรถไฟเพื่อระบายปัญหาการจราจรในเส้นทางหลักหรือถนนสุขุมวิท ซึ่งที่ผ่านมาจากสถิติพบว่ามีจำนวนผู้คนแต่ละวันเฉลี่ยสูงกว่า 2-3 แสนคัน อย่างไรก็ตามโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนได้ ซึ่งมีประเด็นหลักหลายประการ อาทิ ความต้องการให้ใช้พื้นที่จุดจอดของรถไฟฟ้าบริเวณตำแหน่งของสถานีรถไฟเดิม ใกล้ซอยพรประภานิมิต เนื่องจากเมืองพัทยามีแผนและกำลังศึกษาแนวทางการจัดทำระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือ Monorail เพื่อต่อเชื่อมการเดินทางและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งการจัดสรรหาพื้นที่กว่า 140 ไร่เพื่อจัดทำ TOD หรือศูนย์กลางทางการท่องเที่ยว แหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สะดวกสบาย ขณะที่ปัญหาตลอดแนวเส้นทางนั้นแม้ทราบว่าทางโครงการจะใช้แนวเส้นทางรถไฟ และเป็นการจัดสร้างในระบบยกระดับขนาดความสูงกว่า 14-16 เมตร แต่ต้องมีการก่อสร้างเสาตอม่อฐานรากขนาด 3×3 เมตรตลอดแนวเส้นทาง ซึ่งในบางช่วงอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในการสัญจรไปมา เนื่องจากขนาดของแนวถนนนั้นแม้ว่าฝั่งตะวันออกจะมีขนาดความกว้าง 10 เมตร และฝั่งตะวันตกขนาดความกว้าง 6 เมตร แต่มีหลายช่วงที่มีขนาดคับแคบจนอาจทำให้จะต้องมีการเว้นคืนหรือปิดเส้นทางเพื่อทำการก่อสร้าง ซึ่งจำต้องวางแผนการแก้ไขทั้งแนวทางการก่อสร้างที่ต้องส่งผลกระทบ และรายละเอียดในการบริหารจัดการเรื่องของสัญญาเช่าและแผนการรองรับปัญหาการจราจร โดยละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายพรเจริญ ธนานาถ ผู้แทน บ.รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (กลุ่มกิจการร่วมค้า บ.เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้งจำกัด และพันธมิตร) กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อชี้แจงรายละเอียดของการออกแบบเบื้องต้นให้กับเมืองพัทยาได้รับทราบ เพื่อมารับฟังสภาพปัญหาและพื้นที่จริงว่ามีปัญหาหรือแนวทางการจัดการอย่างไร ทั้งนี้จากการรับฟังทางโครงการรู้สึกยินดีเป็นอย่างดีที่เมืองพัทยาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแผนในการจัดทำระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือ Monorail เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากสถานีจอดไปยังแหล่งท่องเที่ยวและที่พักในเขตเมืองพัทยา อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาของการก่อสร้างย่อมเกิดผลกระทบต่อการสัญจรไปมาของประชาชนตลอดแนวเส้นทางรถไฟบ้าง เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงต้องมีการ่วมพิจารณาเพื่อวางแผนการร่วมและรับฟังสภาพปัญหาเพื่อไปปรับปรุงและพัฒนาแบบแปลนเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์สูงสุด โดยคาดว่าจะมีการสรุปผลการศึกษาและออกแบบอย่างเป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้.