กรมเจ้าท่าถกโครงการถมทรายชายหาดจอมเทียน เชื่อเฟสแรกดีเดย์ส.ค.นี้
ที่ห้องประชุมโรงแรม Natural Park Resort Jomtien Beach Pattaya จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ก.ค. คณะทำงานของกรมเจ้าท่า นำโดย นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ และนายพิสุทธิ์ อมรยุทธ ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่า เขต 6 ร่วมเป็นประธานการประชุมติดตามโครงการถมทรายชายหาดจอมเทียน โดยมี นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า พัทยา ร่วมให้ข้อมูลการดำเนินการ
ตามที่ได้มีการจัดทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นประชาชนต่อโครงการถมทรายชายหาดจอมเทียน ตั้งแต่หน้าโรงแรมพัทยาปาร์ค ไปถึงปากคลองนาจอมเทียน ซึ่งคาบเกี่ยวพื้นที่ของเมืองพัทยาและเทศบาลนาจอมเทียน รวมระยะทางยาวกว่า 7 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณรวมกว่า 995 ล้านบาท โดยได้ข้อสรุปดำเนินการในรูปแบบที่ 5 ที่จะเสริมทรายขยายชายหาดเพิ่มเป็น 35 เมตร และจะมีการก่อสร้างหัวหาด 1 จุด และเขื่อนกันคลื่นอีกจำนวน 3 จุด โดยระยะแรกจะทำการเสริมทรายในระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณกว่า 580 ล้านบาท
นายสมพงษ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ ให้ข้อมูลว่า จากการศึกษาโครงการระยะแรกนี้จะใช้ทรายอยู่ที่ประมาณ 6.4 แสน ลบ.ม. ซึ่งจากการสำรวจและศึกษาแหล่งทรายใต้ทะเลบริเวณเกาะลางเกวียน ซึ่งอยู่ใกล้เกาะล้านประมาณ 13 กิโลเมตร และเป็นแหล่งทรายที่ใช้ดูดทรายมาถมในโครงการถมทรายชายหาดเมืองพัทยา ซึ่งพบว่ามีปริมาณทรายกว่า 5 ล้าน ลบ.ม. น่าจะเพียงพอต่อระยะแรก ทั้งนี้สัญญาได้เริ่มแล้วตั้งแต่ปลายเดิน พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงนี้อยู่ในช่วงเตรียมเครื่องจักร เตรียมความพร้อมด้านอื่น ๆ และประชาสัมพันธ์ประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ได้รับทราบรายละเอียด
“คาดว่าประมาณเดือน ส.ค.นี้จะเริ่มลงมืออย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงมรสุมทำให้การนำทรายมาจากเกาะลางเกวียนค่อนข้างลำบาก มีการทำสัญญาดำเนินการในระยะเวลา 900 วัน ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย.65 แต่เราคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 800 วัน น่าจะแล้วเสร็จ กรมเจ้าท่าพยายามทำให้ชายหาดแห่งนี้มีชีวิตกลับขึ้นมา ส่วนอุปสรรคและสภาพปัญหานั้นไม่แตกต่างกันกับหาดพัทยา เพราะทั้งสองหาดนี้เป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว เราจึงมั่นใจว่าน่าจะเสร็จเร็วกว่าสัญญา เพราะเราได้ประสบการณ์จากการถมทรายชายหาดพัทยามาแล้ว” รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจดูการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากฝั่งเมืองพัทยาที่ขึ้นเรือโดยสารไปยังบ้านเกาะล้าน ในช่วงวันหยุดยาวอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษาปี 63 ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางข้ามเกาะมากเป็นพิเศษ
จากนั้น นายสมพงษ์ เปิดเผยว่าภาพรวมการปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในส่วนของท่าเรือ จะได้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องความสะอาด และเรื่องการชำรุดและปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรื่องตัวเพรียง และทางขึ้นลง ซึ่งขอให้ทางท้องถิ่นช่วยจัดการทำความสะอาด ป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารที่มาท่าเทียบเรือเกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้ม
นอกจากนี้ ทางสำนักงานเจ้าท่า พัทยา ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบความปลอดภัยการเดินเรือ และควบคุมความเป็นระเบียบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายกันตลอดทั้งวันตามขอบเขตเวลาของการเดินเรือด้วย