เลขาฯส.อุตสาหกรรมบันเทิงฯ หนุน ครม.ขยายเวลาอีก 1 ปี มาลดภาษีสถานบันเทิง 5% กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวตรงจุด
หลังจากที่ครม.มีมติขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสถานบริการจาก 10% เป็น 5% ของรายรับ ออกไปอีก 1 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศสำหรับสถานบริการหรือสถานที่หย่อนใจ ประกอบด้วย ไนท์คลับ ดิสโกเธค ผับบาร์ ค็อกเทลเลาจน์ ฯลฯ
นายดำรงเกียรติ พินิจการ เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นข่าวดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบริการจากตี 2 มาเป็นตี 4 ทำให้ผู้ประกอบการสามารถหารายได้ ได้เพิ่มขึ้นจากการขยายเวลาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถมีเวลาในการจับจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจภาคกลางคืนมีเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ประกอบการและพนักงาน
ส่วนนโยบายการขยายเวลาปรับลดภาษีสรรพสามิตจาก10 % เป็น 5% นั้น มีการดำเนินการมาตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง ในส่วนภาษีรายรับ ถือเป็นนโยบายที่กระตุ้นการท่องเที่ยวที่ตรงจุดให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากหากมีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตสถานบริการเป็น 10% ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระที่สูงขึ้นและจะต้องมาปรับราคาขายให้กับผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ราคาจำหน่ายที่ขายในสถานบันเทิงก็จะเพิ่มสูงขึ้น แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายในการขยายปรับลดภาษีสรรพสามิตสถานบริการจาก 10% เป็น 5% ราคาจำหน่ายในสถานบันเทิงก็จะคงราคาเดิมด้วยไม่ต้องแบกรับภาระผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวจะได้ใช้จ่ายสบายกระเป๋า ปัจจุบันธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยากลับมาเฟื่องฟู หลังจากโควิด-19 ด้วยขณะนี้มีในพื้นที่มีนักธุรกิจมาลงทุนเปิดสถานบันเทิงเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่เมืองพัทยาถือเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังเป้นพื้นที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างมาก ทำให้นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักธุรกิจและนักลงทุนที่เข้ามาเปิดสถานบริการในเมืองพัทยาเพิ่มขึ้นตาม ทำให้ภาครวมของการท่องเที่ยวไนท์ไลฟ์มีช่องทางเพิ่มมากขึ้น
นายดำรงเกียรติ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่กรุงเทพฯ ถนนข้าวสารเกี่ยวกับปรับลดภาษีสรรพสามิตสถานบันเทิง เนื่องจากภาษีดังกล่าว เป็นภาษีที่เก็บไปแล้วจากผู้ผลิตที่มีการนำเข้ามาจำหน่าย เมื่อผู้ประกอบการมีการจัดซื้อมาจำหน่ายก็มีเก็บค่าภาษีอีก ผู้ประกอบการจึงมองว่าเมื่อมีการเก็บภาษีสรรพสามิตสถานบริการนั้นเป็นการเก็บภาษี 2 ต่อ ทั้งนี้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจว่ารัฐอาจจะมีการเก็บภาษีในภาคธุรกิจไนท์ไลฟ์ ธุรกิจฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น เพื่อนำรายได้กลับไปพัฒนาประเทศ
“แต่หากเปรียบเทียบการท่องเที่ยวภาคกลางคืนในช่วงปีที่ผ่านมากับปีนี้ ในช่วงหน้าไฮซีซั่นผู้ประกอบการต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แม้นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวเท่าเดิม แต่การจับจ่ายไม่ตรงเป้าเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวหลังจากโควิด-19 ที่นักท่องเที่ยวมีความอัดอั้นในการท่องเที่ยว ทำให้มีใช้จ่ายและท่องเที่ยวมากขึ้น แต่พอสถานการณ์การท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะปกติ การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายมีการรัดเข็มขัดมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวที่มาอยู่แบบระยะยาว ก็เปลี่ยนมาอยู่แบบระยะสั้นๆ ซึ่งขณะนี้กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวในพัทยานั้นส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว จีน อินเดีย และเกาหลี ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดยุโรปนั้นลดลง” เลขานุการสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าว