นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี ห่วงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท หวั่นกระทบเป็นลูกโซ่ แนะเพิ่มภาระให้ผปก.แล้วรัฐควรลดค่าใช้จ่ายให้บ้าง

หลังจากที่คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ได้มีมติ เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม เพื่อใช้สำหรับนายจ้างและลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป โดยให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาท และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.นี้ นำร่องในเขตพื้นที่จังหวัด 10 จังหวัด ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา 2. จ.กระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง 3. จ.ชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา 4. จ.เชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 5. จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิ 6. จ.พังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก 7.จ.ภูเก็ต (ทั้งจังหวัด) 8.จ.ระยอง เฉพาะเขตตำบลบ้านเพ 9.จ.สงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ และ10. จ.สุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตอำเภอเกาะสมุย เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ขณะที่ธุรกิจการให้บริการที่พักแรมมีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง และ 10 พื้นที่จังหวัดดังกล่าว เป็นพื้นที่จังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผยถึงการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท ของรัฐบาลว่า เบื้องต้นต้องบอกว่าในช่วงโควิด-19 ตลอด 3 ปี ภาคธุรกิจโรงแรม ภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาก แต่ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐบาลไม่มากนัก ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนจนผ่านพ้นมาได้จนถึงวันที่ผู้ประกอบการโรงแรมพอจะลืมตาอ้าปากได้รัฐบาลก็มาออกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในภาคธุรกิจโรงแรม 4 ดาวขึ้นไป ซึ่งตามหลักความเป็นจริงข้อมูลที่นำไปเสนอไม่ได้เป็นไปตามที่คนเสนอเรื่องด้วยรายได้ของพนักงานโรงแรมนั้น พนักงานไม่ได้มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องชองเซอร์วิสชาร์จ โดยในแต่ละเดือนโรงแรมใหญ่ๆ พนักงานจะได้รับเซอร์วิสชาร์จมากกว่าเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ ฉะนั้นการที่รัฐบาลมีการประกาศอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม หากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่จะไม่มีผลกระทบ

นายธเนศ กล่าวอีกว่า แต่นโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบในจังหวัดที่เป็นเมืองรอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีเสียงโอดครวญเกี่ยวกับการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทแล้ว เนื่องจากพนักงานในโรงแรมขนาด 3 ดาวลงมา และในพื้นที่เป็นเมืองรองพนักงานมีแนวคิดจะลาออก เพื่อมาหาทำงานในโรงแรมระดับ 4 ดาว ในพื้นที่ 10 จังหวัด ที่มีการประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท ทั้งนี้ปัจจุบันภาคโรงแรมขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว การที่รัฐบาลประกาศนโยบายดังกล่าวออกมา แต่ความเป็นจริงโรงแรมขนาดใหญ่ 4 ดาวขึ้นไปก็ยังไม่มีนโยบายรับพนักงานเพิ่มเข้ามาทำงานแต่อย่างใด จึงส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมโรงแรม นอกจากนี้ ภาครัฐมีเกณฑ์อะไรมาวัดว่าโรงแรมไหน 4 ดาว โรงแรมไหน 5 ดาว เนื่องจากปัจจุบันมีมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทยเพียงสถาบันเดียวที่ทำหน้าที่ตรวจประเมินคุณภาพโรงแรมว่าโรงแรมไหน 3 ดาว 4 ดาว และ 5 ดาว ซึ่งมีผู้ประกอบการเพียง 5% จากโรงแรมที่มีอยู่ทั้งหมดที่เข้ารับการตรวจประเมินมาตรฐานโรงแรม

นายธเนศ เปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้อยากสะท้อนไปยังภาครัฐเกี่ยวกับโนยาบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท หากจะมีการปรับขึ้นค่าแรง ควรปรับให้ค่อยเป็นค่อยไปและปรับทุกธุรกิจ อีกทั้งอยากจะให้มองเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงโดยการใช้เกณฑ์ในเรื่องของ skill based ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำก็แยกเป็นอีกเรื่อง และเรื่อง skill based พิจารณาไปตามงานที่พนักงานปฏิบัติ เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการและการทำงานในแต่ละธุรกิจ ไม่ใช่ปรับขึ้นเงินเดือนแบบหว่านแหปรับทีเดียวขั้นเดียวหมด มองเผินๆ เหมือนอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่สามารถจ่ายได้ แต่ความเป็นจริงส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ หากจะขับเคลื่อนโนยายดังกล่าว รัฐต้องพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นเรทราคาค่าที่พักของหน่วยงานราชการ การปรับขึ้นค่าเรทอาหารว่างของข้าราชการที่มาประชุมสัมมนาสามารถขยับขึ้นได้หรือไม่ หลังไม่เคยปรับนานกว่า 20 ปี และมีแนวทางช่วยเหลือสถานประกอบการที่ปฏิบัติตามนโยบายสิ่งแวดล้อมเป็นกรีนโฮเทล ให้ลดภาษีบางอย่างได้หรือไม่ เช่น ภาษีที่ดิน ที่ในปี 2567 รัฐบาลกลับมาเก็บภาษีเต็ม ทั้งนี้เมื่อรัฐมาเพิ่มค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการแล้วสามารถที่จะพิจารณาช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนได้หรือไม่ ไม่ใช่รัฐจะดันเรื่องค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้มองรายได้ให้ผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน.