ตร.ภ.2 จับมือฝ่ายปกครอง ออกกฎ 5 ข้อคุมเข้มสถานบันเทิงเมืองพัทยา-บางละมุง หากฝ่าฝืนยึดใบอนุญาต-สั่งปิดถาวร

ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยา พร้อมด้วย พลตำรวจตรี นันทวุฒิ สุวรรณละออง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา โดยมีผู้ประกอบสถาบันเทิงพื้นที่เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง เข้าร่วมรับฟังแนวทางการให้บริการตามกรอบกฎหมายกำหนด

ที่ประชุมได้มีการชี้แจงแนวทางการเปิดให้บริการสถานบันเทิงเมืองพัทยา ทั้งในพื้นที่โซนนิ่ง และนอกพื้นที่โซนนิ่ง ในเรื่องของเวลาเปิด-ปิด ตามที่กฎหมายกำหนด ปัจจุบันมีสถานบันเทิงในอำเภอบางละมุงมีทั้งสิ้น 1,329 แห่ง แบ่งเป็นนอกโซนนิ่ง 63 แห่ง ในโซนนิ่ง 723 แห่ง และสถานบริการที่เปิดคล้ายร้านจำหน่ายสุรา 543 แห่ง ทั้งนี้ได้มีการสั่งห้าม 5 เรื่องที่ผู้ประกอบการต้องถือปฎิบัติอย่างเด็ดขาด ประกอบด้วย

1. ห้ามปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ เข้าไปใช้บริการ

2 .ห้ามเปิดทำการเกินกว่าเวลาตามที่มีกฎหมายบัญญัติ

3.ห้ามขายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติ

4.ห้ามปล่อยปละละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปในสถานที่ของตน

5.ห้ามปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในสถานที่ของตน

ทั้งนี้ให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงยึดถือแนวทางมาตรการที่กำหนดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเคร่งครัด

ด้าน นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อพูดคุยและชี้แจงมาตรการให้กับผู้ประกอบการสถานบันเทิงได้ถือปฏิบัติในทิศทางเดียวกันตามกรอบกฎหมายกำหนด หลังจากที่ผ่านมีข่าวเกี่ยวกับการจับกุมสถานประกอบบันเทิงทำผิดกฎหมาย ทั้งการทะเลาะวิวาท ยาเสพติด รวมถึงเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดในพื้นจำนวนมาก สร้างภาพที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยว รัฐบาลจึงได้มีนโยบายเน้นหนักในเรื่องการจัดระเบียบสังคมเคร่งครัด ทั้งเรื่องของเสียง และการควบคุมอาคารป้องการเหตุเพลิงไหม้

จึงอยากฝากให้ผู้ประกอบการทุกรายในเมืองพัทยา ร่วมกันปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สังคมเป็นระเบียบ และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดเหตุอาชญากรรม สิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด รองรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง

ขณะที่พลตำรวจตรี นันทวุฒิ สุวรรณละออง รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อเน้นย้ำผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยา จะต้องไม่มีเด็กเข้าไปใช้บริการโดยเด็ดขาด อีกทั้งจะต้องไม่มีการพกพาอาวุธปืนเข้าไปสถานบันเทิง ยาเสพติดจะต้องกวาดล้างให้หมดหากมีให้แจ้งเบาะแสที่สายด่วน 191 เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้ากวาดล้างให้หมดไป รวมทั้งห้ามให้มีการค้ามนุษย์ การบังคับข่มขู่ การค้าประเวณี ต้องไม่มีในสถานประกอบการ นอกจากนี้การใช้บุคคลต่างด้าวที่ผิดกฎหมายหรือโอเวอร์ สเตย์จะต้องไม่มีในพื้นที่เมืองพัทยา

ทั้งได้นำกำลังชุดบูรพา 491 ตำรวจภาค 2 จำนวน 50 นาย บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ลงพื้นตรวจสอบสถานบันเทิงในทุกวัน เพื่อให้ปฏิบัติตามกรอบกฏหมายกำหนด ใน 5 ข้อห้ามปฏิบัติอย่างเด็ดขาด หากมีผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการกรอบกฎหมายจะมีการจับกุมอย่างเด็ดขาด พร้อมจะทำหนังสือเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อปิดสถานบันเทิงที่ไม่ปฏิบัติตามกรอบกฎหมายอย่างถาวร ทั้งผู้ประกอบการต้องกลับคืนสู่ระบบกฎหมาย ซึ่งหากสถานบันเทิงใดไม่ได้กระทำผิดไม่ต้องกลัว ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่หากกระทำผิดเจ้าหน้าที่ก็จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนแล้วเพื่อให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ภาครัฐก็เห็นใจ เมืองพัทยาเพิ่งฟื้นจากการท่องเที่ยว ก็อยากให้ผู้ประกอบการมีรายได้ แต่ภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาถือมีความสำคัญอย่างยิ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งธุรกิจสีเทา ทุนจีน ยาเสพติด การให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ สิ่งเหล่านี้ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

นายเมืองพัทยา กล่าวอีกว่า การประชุมผู้ประกอบการในครั้งนี้จะทำให้ผู้ประกอบการไดัรับทราบถือแนวทางการปฏิบัติตามที่กฏหมายกำหนดและนำไปปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้เมืองพัทยามีภาพลักษณ์ที่ดีให้สมกับเมืองที่ทุกเพศทุกวัยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทุกวัน มีกิจกรรมที่หลากหลายทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นมิติสิ่งที่ผิดกฎหมายนั้นจึงไม่อยากให้เกิดขึ้นในเมืองพัทยา เพื่อให้เมืองพัทยาเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป