No fly zone จีวรบิน เส้นทางอโคจร “นากาตะ” (2)

อีกาคาบข่าวมาบอก….

ตอกย้ำแผลเก่า “พ่อเล้า-แม่เล้า” ดิ้นพลาดๆเหมือนถูกสาดด้วยน้ำมนต์!

ถนนโลกีย์“นากาตะ”…กำลังระส่ำระสาย

คนในเครื่องแบบบางคน ร้อนรน โหยหวน ราวกับว่าโดนซัดด้วยข้าวสารเสก!

อาการไส้เดือนคลุกขี้เถ้า… ชักดิ้นชักงอ ทุรนทุราย เป็นยังไง?

แมงดา-พ่อเล้า-แม่เล้า-คนมีสี “สามอัปรีย์ชน” คนขี้หมูไหล อาการไม่ต่างเดรัจฉานใต้ดินชั้นต่ำที่มี 2 เพศในตัวเดียวกัน!!

ลมหายใจเฮือกสุดท้าย “อเวจี นากาตะ” มหานรกกลางเมืองบางละมุง กำลังขาดวิ่น ห้อยกะรุ่งกะริ่ง อยู่ปลายชะง่อนผาสูงชัน…เพียงแค่ยันด้วย Teenเบาๆก็ร่วงไปเน่าอยู่ก้นเหวแล้ว!!

ตอกตะปูฝาโลงสำทับไปอีกดอก อย่าให้ฟื้นคืนหลุม กลับมารังควานสาธุชนได้อีก ชาวบ้านจะได้ยกมือท่วมหัว…

ล้างบ้าน แปงเมือง ยกเครื่อง ปัดกวาดกันบ้างก็ดี กำจัด “ขยะสังคม” ที่หมักหมมมานาน ชะล้างกองปฏิกูลโสโครก คราบเมือก คาวกาม ความโสมม ตัดติ่งเนื้อร้ายที่กัดเซาะสังคมมานมนาน ให้หลุดพ้นไปซะที….

หากปล่อยให้มี “ซ่องนรก” สิงสู่อยู่ใจกลางไข่แดงของบ้านของเมือง ไม่ต่างไปจากตั้งส้วมอยู่หน้าบ้าน….มีแต่สิ่งอัปมงคลถาโถมเข้าใส่ หาดีในเลวไม่ได้เลยสักเม็ดเดียว!!

แขกบ้านแขกเมือง ใครต่อใครผ่านไปมา อับอายขายขี้หน้า คนบางละมุงน้ำท่วมปาก พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง จำต้องแบกความอัปยศอดสูใจไว้บนบ่าทุกวี่วัน…

ขุมอบายภูมินากาตะ สร้างปัญหาต่อสังคมมายาวนานและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติดแหล่งมั่วสุ่มกลุ่มวัยรุ่นเปิดศึกหน้าหม้อชกต่อยตีรันฟันแทงเพื่อแย่งสมสู่ตัวเมีย ส่วน“ช็อกกะรี”ก็ไม่น้อยหน้า เคยก่อเรื่องบรรเลงเพลงตบ เปิดศึกแย่งท่อส่งน้ำปัสสาวะกัน มันก็เคยมีข่าวอุบาทว์แบบนี้มาแล้ว…

ถนนสาธารณะปูคอนกรีตขนาดใหญ่ สาย “สุขุมวิทพัทยา 22” ที่พาดผ่านย่านนากาตะ หรือ นาเกลือใต้ตลอดทั้งสายกลายเป็น “เส้นทางอโคจร” ถูกเงาดำของอิทธิพลธุรกิจมืดยึดครองไปโดยปริยาย

ใครต่อใคร หากไม่จำเป็น ไม่มีใครอยากเฉียดใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาว ผ่านไปมาแต่ละทีทำเอาขวัญกระเจิดกระเจิง ขี้หดตดหาย สภาพแวดล้อมเหมือนมีภัยอยู่รายรอบตลอดเวลา ยิ่งยามวิกาลด้วยแล้ว ถึงกับหลอน โคตรน่ากลัว!!

อย่าว่าแต่ ปุถุชนคนธรรมดาสามัญ ที่ยังมีกิเลสหนาพอกตับอยู่เลย “พระสงฆ์ องค์เณร” ยังไม่กล้าเฉียดผ่านพื้นที่ No fly zone “เขตห้ามบิน” ราวว่าเป็นน่านฟ้าสู้รบสงครามหมีขาวรัสเซีย กับ ยูเครน!!

ไม่ใช่กลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย… แต่ท่านนั้นหวั่นไหว ด้วยเพราะ ท่านเองมองว่าคงมันไม่เหมาะกับสมณสารูปมากกว่า หากผู้ทรงศีลจะต้อง “บิณฑบาตร” ผ่านเส้นทางย่านโลกีย์ สถานที่อโคจร…

ตีสี่ตีห้าฟ้าสางเห็นลายมือ คือเวลาพระสงฆ์องค์เจ้า ออกปฏิบัติกิจวัตรโปรดสัตว์ โปรดญาติโยม ขณะที่เหล่านางคณิกา “ผีเสื้อราตรี” ยังกรีดปีกโฉบฉายกันให้ว่อนหญิงโคมเขียวบางนางยังเมาปลิ้นลิ้นพันกันอยู่หน้าโรงนาบก็ยังมี…

ด้วยเหตุฉะนี้ ไฟลท์บิน“ตาลปัตร แอร์ไลน์” อันมีหลวงพี่-หลวงพ่อ เป็นกัปตันขับเคลื่อนสะพานบุญ จึงไม่ขอบิณฯ ผ่าน ยุบหนอ พองหนอ เวทนาหนอ อาตมาขอบายเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจะดีกว่านะจ้ะคุณโยม!!

อโคจร ในความหมายแบบไทยๆ คือ สถานที่ไม่ควรเข้าไป เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นข้อห้ามพระสงฆ์ที่มีในพระวินัยและประกาศของคณะสงฆ์

วารสารบาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม พ.ศ.2561 ตีพิมพ์งานวิจัยเรื่อง อโคจรในพระวินัยปิฎกกับสังคมในปัจจุบัน อธิบายความหมาย อโคจร ว่า หมายถึง สถานที่ที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไป และตัวบุคคลที่ภิกษุไม่ควรเข้าไปคบหาสมาคม และคลุกคลีด้วย เช่น ซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน สถานบันเทิงยามราตรี ร้านขายสุรา แหล่งมั่วสุมยาเสพติด ตลอดจนโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และย่านตลาด เป็นต้น

เมื่อเข้าไปมีโทษทางวินัยเรียกว่า “โลกวัชชะ” คือชาวโลกติเตียน เป็นขี้ปากชาวบ้านว่างั้นเถอะ!!

เห็นกันไหมล่ะว่า มันกระทบหลายชิ่ง!ขนาดผู้ทรงศีลแห่ง “ศาสนจักร” ยังต้องหลีกหนีจีวรปลิว!!

ขณะที่ฝ่าย “อาณาจักร”ผู้มีอำนาจหน้าที่ปกครองดูแลบ้านเมือง บังคับใช้ตัวบทกฎหมายปกป้องสุจริตชนคนดี ให้บังเกิดความร่มเย็นผาสุก และสกัดกั้นคนไม่ดี ไม่ให้เชิดหน้าชูคอในสังคม…

แต่กลับมีเจ้าหน้าที่รัฐนอกคอก บางพวก บางกลุ่ม บางคน “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” ปากว่าตาขยิบ ทำตีเนียน ตีมึน ตีขลุม และตีกิน!?!?

วงจรธุรกิจมืด สีดำ-เทา ไม่อาจจะพองลมขึ้นมาเองได้ ถ้าไร้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ยอมขายชีวิตจิตวิญญาณ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเครื่องแบบ ไปสวามิภักดิ์เป็นเบี้ยล่างเพราะถูกอำนาจเงินบาปฟาดหัว!!

วันก่อนไปได้ยินประโยคบุญคุณ เป็น“เสนียดหู”มา…

“เพราะมีกระหรี่ คดีทางเพศจึงลดต่ำ”

ฟังแล้ว ถึงกับอึ้ง! บอกตรงๆ สมองของคนที่คิดได้แบบนั้น “ระยำหมา” โฟกัสชัดๆ รอยคราบเมือกน้ำกาม ยังเลอะเกรอะกรัง! ติดขอบปากเจ้าของประโยควรรคทองอุบาทว์อยู่เลย!!

ความคิดแบบนี้ไง ที่เขาเรียก “ตรรกะวิบัติ”

อั๋น พันดาว