“สนธยา” ลั่น เตรียมล้อมคอกผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการสธ.หลัง ศบค.ขยายเวลานั่งดริ๊งในร้านอาหาร
หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีการพิจารณาปรับมาตรการ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ประกอบด้วย 1.ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและลักษณะเดียวกันได้ ในพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่สีเหลือง เฝ้าระวังสูงสุด 25 จังหวัด 2.ขยายเวลาการดื่มในร้านจากเดิมให้ดื่มถึงเวลา 21.00 น. เป็นเวลา 23.00 น. และ3.ให้จำกัดประเภทร้านอาหาร ต้องผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop Covid-19 และมาตรการ Covid-19 Free Setting
นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า การที่รัฐบาล หรือ ศบค.มีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ให้กับเมืองท่องเที่ยวด้วยเห็นถึงความสำคัญในการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว หรือพื้นที่บลูโซน ซึ่งการผ่อนคลายมาตรการการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและมีการปรับเวลาจาก 21.00 น. เป็นเวลา 23.00 น. ทางนายกรัฐมนตรีและศบค.ได้มีการกำหนดมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ไว้อย่างเคร่งครัดไม่ฝ่าฝืน หากมีการฝ่าฝืนก็จะมีมาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้การผ่อนปรนและการขยายเวลาดังกล่าว ที่ผ่านมาจังหวัดชลบุรีและเมืองพัทยาได้มีการคุมเคร่งมาตรการอย่างเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่สถานประกอบการที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ลดการแพร่ระบาดและแยกตัวกลุ่มเสี่ยงรวมถึงผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษา เพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพ ซึ่งในขณะนี้ยังมีการดำเนินการมาตรการอย่างเข้มข้น พร้อมจะมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หลังศบค.ได้มีการขยายเวลาในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร เพื่อให้สอดรับกับมาตรการที่ ศบค.กำหนด และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เมืองพัทยาต่อไป
นายกเมืองพัทยา เปิดเผยอีกว่า ทั้งนี้จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านอาหารกึ่งผับให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนดรวมถึงมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดชลบุรีและสาธารณสุขเมืองพัทยากำหนด อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานประกอบการสามารถประกอบธุรกิจในช่วงระหว่างการควบคุมการแพร่ระบาดได้ ส่วนผู้ประกอบการที่ดื้อแพ่งไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการ ละเมิดกฎ จะมีการลงโทษขั้นเด็ดขาด ทั้งการปิดกิจการและหยุดประกอบการ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการได้รับผลกระทบไปด้วยในอนาคต ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวนั้นผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นด้วยและพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อให้ภาพรวมการประกอบการและภาพรวมของภาคธุรกิจของเมืองพัทยา โดยเฉพาะสถานบริการสามารถให้บริการกับนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการได้ ภายใต้มาตรการที่ภาครัฐกำหนด.