อาชญากรรม

วอนแจ้งเบาะแส! คนร้ายปาดคอ ป้าเจ้าของร้านขายของชำชิงทรัพย์ คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่

จากกรณี เกิดเหตุคนร้ายบุกทำร้ายร่างกายชิงทรัพย์ นางวิรัตน์ วิจิตรสมบัติ อายุ 68 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เลขที่ 323/36 ม.13 ภายในซอยสุขุมวิท 71 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สภาพได้รับบาดเจ็บที่บริเวณลำคอถูกของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ และบาดแผลอีกหลายจุดตามร่างกาย มีเลือดไหลอาบทั่วทั้งตัว ส่วนคนร้ายทราบคือ นาย อู๋ 41 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี ซึ่งหลบหนีอยู่ในขณะนี้

ล่าสุด พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.บางละมุง เปิดเผยว่า ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับนายสมศักดิ์ ทิพย์ประภาแย้ม อายุ 41 ปี เบื้องต้นในข้อหาชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือพยายามฆ่า จะแจ้งเพิ่มเติมหลังรอดูอาการผู้บาดเจ็บและระยะเวลารักษา รวมทั้งการให้ปากคำ ซึ่งในตอนนี้นางวิรัตน์ วิจิตรสมบัติ ผู้บาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

ส่วนตัวคนร้ายนั้นในขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกดดันตั้งแต่ได้รับแจ้ง และตัวคนร้ายเองยังอยู่ในพื้นที่ยังไม่ได้ออกนอกพื้นที่ ตัวคนร้ายนั้นตกงานเพิ่งออกจากเรือนจำที่จังหวัดระยองในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และได้มาอยู่กับเพื่อนบริเวณร้านของผู้บาดเจ็บ และก่อนหน้าที่จะลงมือก่อเหตุได้เคยทะเลาะกันมาก่อน ตัวคนร้ายไปซื้อของประจำที่ร้านดังกล่าว วันก่อเหตุจึงเข้าไปก่อเหตุเลยก่อนชิงกระเป๋าภายในมีเงินประมาณ 20,000 บาท ก่อนขี่จักรยานของเพื่อนที่อยู่ด้วยหลบหนี แล้วไปทิ้งรถ ก่อนเข้าไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนที่ร้านขายบริเวณแถววัดชัยมงคล ก่อนเปลี่ยนแล้วหลบหนีต่อ ซึ่งคาดว่าจะได้คนร้ายในเร็วๆนี้

นอกจากนั้นยังฝากประชาสัมพันธ์หากประชาชนผู้ได้พบเห็นบุคคลลักษณะรูปพรรณคล้ายคนในรูปนี้ โปรดแจ้งได้ที่ สภ.บางละมุง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เลย

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ น.ส.นภวรรณ เงินท้วม อายุ 34 ปี บุตรสาวผู้ได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้คุณแม่ยังพักรักษาตัวอยู่ในห้อง CCU รพ.กรุงเทพพัทยา เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว เนื่องจากบาดแผลที่เกิดขึ้นไม่ถูกจุดสำคัญ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาใกล้จะปิดร้าน ซึ่งไม่มีใครอยู่ร้าน มีเพียงคุณแม่ที่อยู่ลำพัง จึงไม่มีใครทราบรายละเอียดตอนเกิด มาทราบตอนที่ชาวบ้านโทรแจ้งว่าแม่ถูกทำร้าย ตนซึ่งอยู่บ้านหลังด้านซอยจึงรีบออกมาดูคุณแม่ดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นเงินสดในกระเป๋าย่ามจำนวนเกือบ 20,000 บาท

สอบถาม ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง ทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ แต่เห็นตอนผู้ได้รับบาดเจ็บหอบร่างอันโชกเลือดมาขอความช่วยเหลือ จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่โดนเร็ว ส่วนคนร้ายนั้นที่ทางตำรวจชี้เบาะแสว่าคือ นาย อู๋ 41 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี เป็นคนที่มาพักอาศัยกับเพื่อนที่ห้องพักภายในซอย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มักจะมาซื้อของที่ร้านค้าของผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง และจะดื่มสุราอยู่ห้องพักละแวกใกล้อยู่เป็นประจำ ไม่น่าจะเชื่อว่าจะกล้าลงมือก่อเหตุเนื่องจากเป็นคนคุ้นเคยกัน อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์มึนเมา และต้องการหาเงินจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านที่เกิดเหตุ ออกมาตรวจสอบ พบว่าสามารถบันทึกภาพวินาทีชีวิตที่คนร้ายก่อเหตุไว้ได้อย่างชัดเจน โดยคนร้ายเป็นผู้ชายรูปร่างสันทัด สวมเสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้น เดินเข้ามาภายในร้าน รัวหมัดใส่ผู้เสียหายอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วให้อาวุธที่ถือภายในมือจ้วงแทงเข้าหลายที ซึ่งผู้เสียหายพยายามปัดป้อง ผู้ก่อเหตุจึงดึงประตูม้วนหน้าร้านปิดลง แล้วหันกลับมาใช้อาวุธจี้บังคับก่อนจะมีการยื้อแย้งชุดเอี้ยมกันเปื้อนที่ผู้เสียหายใส่เงินที่ได้จากการขายสินค้าไว้

ถึงแม้ว่าคนร้ายจะได้ทรัพย์สินไปแล้ว ก็ยังไม่สาแก่ใจหันกลับมาทำร้ายผู้เสียหายอย่างโหดเหี้ยมทารุณอีกครั้ง โดยใช้เท้ากระทีบไปที่ร่างของแม่เฒ่าหลายครั้ง กระหน่ำแทงแล้วเฉือนเข้าที่ลำคอ จนเลือดสาดกระเซนไปทั้วพื้น คนร้ายยังใช้เท้าเหยียบอยู่บนลำตัวของผู้บาดเจ็บ แล้วหยิบน้ำดื่ม ชำระล้างร่างกายที่เปื่อนเลือด ถอดเสื้อเช็ดแล้วกระทืบแม่เฒ่าเคราะห์ร้าย อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกประตูด้านหน้า แล้วขี่จักรยานหลบหนีไป ส่วนผู้บาดเจ็บได้พยุงร่างอันบอบช้ำโชกเลือดมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน

ทั้งนี้ พฤติกรรมของคนร้ายถือว่าเหี้ยมโหดเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวแล้วคือนายสมศักดิ์ ทิพย์ประภาแย้ม หรืออู๋ อายุ 41 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่จักรยานยหลบหนีไปจอดทิ้งไว้ แล้วไปซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่ใกล้เคียงตลาดวัดชัยมงคล คาดว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่ไม่กล้าออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียง ให้ช่วยสังเกตคนร้ายรายนี้ซึ่งเป็นบุคคลอันตราย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน หากใครมีเบาะแสผู้ก่อเหตุที่มีรูปพรรณสันฐานใกล้เคียงกับคนร้าย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงได้ทันที เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป