วันพุธ, ธันวาคม 3, 2025
Latest:

ประมวลภาพ “เรือหลวงจักรีนฤเบศร” พร้อมกำลังพล–ยุทโธปกรณ์เต็มรูปแบบ ลุยช่วย “หาดใหญ่-สงขลา” หลังประสบมหาภัยพิบัติ “อุทกภัย” พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย

จากเหตุการณ์ฝนถล่มหลายจังหวัดในภาคใต้ตอนล่าง รวมถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาตั้งแต่คืนวันที่ 19 พ.ย.2568 ต่อเนื่องติดๆ กันมาทั้งวันทั้งคืน ส่งผลให้มวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลบ่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของเมืองหาดใหญ่ ต้องจมอยู่ใต้น้ำที่บางพื้นที่ระดับน้ำสูงถึง 3-5 เมตร ท่วมเกือบมิดหลังคาบ้านสองชั้น กระแสน้ำเชี่ยวกราก ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส ขาดแคลนทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ และยาที่จำเป็น หนำซ้ำระบบสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตล่มเพราะเสาสัญญาณจมอยู่ใต้น้ำ กอปรกับมีการตัดการจ่ายไฟฟ้าเพื่อป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟ ทำให้การติดต่อสื่อสารเพื่อเข้าช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ทำได้ยากลำบาก

กระทั่งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน กองทัพเรือ ได้สั่งการให้นำ “เรือหลวงจักรีนฤเบศร” ไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี พลเรือเอก ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ เดินทางไปกำกับดูแลภารกิจส่งมอบกำลังพลและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกองทัพเรือ ที่ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมตรวจความพร้อมอย่างพร้อมเพรียง

สำหรับภารกิจครั้งนี้ เรือหลวงจักรีนฤเบศได้บรรทุกสิ่งของยังชีพและอุปกรณ์ช่วยเหลือ รวมถึงลำเลียงสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่อการดำรงชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค ถุงยังชีพ น้ำดื่ม ข้าวสาร และวัตถุดิบ สำหรับประกอบอาหาร โดยบางส่วนได้รับสิ่งของบริจาคจากหน่วยงานต่างๆ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป ที่เป็นธารน้ำใจอันยิ่งใหญ่ สู่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ออกเดินทางเมื่อเวลา 23.00 น.ไปยังพื้นที่แหลมสมิหลา จังหวัดสงขลา โดยเรือพร้อมลำเลียงกำลังพล เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ เรือยาง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ทีมแพทย์ ทีมครัวสนาม อุปกรณ์กู้ภัย ชุดปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเข้าถึงพื้นที่เสี่ยงภัยในทุกมิติ สามารถให้การช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดค้างในพื้นที่น้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางออกมาได้เอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัยสูงสุด

เรือหลวงจักรีนฤเบศร เข้าเทียบท่าในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 หลังเทียบท่า กำลังพลทุกนายได้ออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนทันที สามารถจัดทำอาหารแจกได้วันละ 2,000–3,000 กล่อง พร้อมทั้งดัดแปลงพื้นที่ภายในเรือเป็น “โรงพยาบาลเคลื่อนที่” รองรับผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะวิกฤติ พร้อมกันนี้ กองทัพเรือยังได้ส่งเรือยาง หน่วยซีล นาวิกโยธิน กองพันลาดตระเวน รวมถึงนักประดาน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ เข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในจุดเสี่ยงและพื้นที่น้ำลึก

เรือหลวงจักรีนฤเบศร มีขีดความสามารถในเป็นฐานบินลอยน้ำในการปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์และโดรน และยังสามารถทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาล ตลอดจน ครัวลอยน้ำ ที่มีขีดความสามารถผลิตอาหารปรุงสุกได้วันละประมาณ 3,000 ชุด พร้อมสนับสนุนการส่งทางอากาศสู่พื้นที่ประสบภัย ทั้งนี้ กองทัพเรือ ยังได้เตรียมจัดกำลัง เรือหลวงช้าง และเรือหลวงอ่างทอง เป็นกำลังช่วยเหลือระลอกที่ 2 หากจำเป็นต้องเพิ่มเติมกำลัง

ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างสุดความสามารถ ในภาวะวิกฤต ที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน และจะยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย