ท่าเรือแหลมฉบังประชุมเชิงปฏิบัติการทบทวนรูปแบบการบริหารจัดการ หาแนวทางพัฒนาท่าเรือฯ ให้ทันกระแสโลก

ที่ห้อง SRIRACHA GRAND BALLROOM โรงแรม OAKWOOD HOTEL & RESIDENCE SRIRACHA (10 มี.ค.2568) ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ กรรมการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นประธานการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาร่างข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกับ World Bank พร้อมด้วย เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กรรมการการท่าเรือฯ ผู้บริหารการท่าเรือฯ ผู้แทน World Bank ผู้แทนผู้ประกอบการ และพนักงานการท่าเรือฯ เข้าร่วม

ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ พนมยงค์ กรรมการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบัง กำลังเดินหน้าเข้าสู่เฟส 3 ส่วนพื้นที่ด้านหลังท่าเรือแหลมฉบังจะมีการพัฒนาหรือจัดโซนนิ่งอย่างไร เพราะท่าเรือแหลมฉบังไม่ได้ดูแลเรื่องนี้มานาน ดังนั้นจึงได้จัดสัมมนาเพื่อขอความร่วมมือจากธนาคารโลก มาวางแนวทางหรือทิศทางรูปแบบต่างๆ ของประเทศอื่นๆ ที่มีการพัฒนาข้างหลังท่า ซึ่งท่าเรือแหลมฉบังต้องการทราบข้อมูลจากการสัมมนาในครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกๆ ภาคส่วนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของในพื้นที่ เพื่อที่จะมองได้ว่าในแต่ละพื้นที่ควรที่จะกำหนดเป็นโซนอะไรได้บ้าง เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดของพนักงานท่าเรือ ผู้ส่งออก-นำเข้า ที่จะมาใช้บริการท่าเรือ เช่น ค่าใช้จ่ายต่ำสุด ระยะเวลาน้อยที่สุดที่เข้ามาใช้บริการ

การสัมนาครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งสำคัญ การท่าเรือแห่งประเทศไทย การท่าเรือแหลมฉบัง ทุกภาคส่วนต้องมีความเป็นเจ้าของ หากไม่มีสิ่งนี้แล้ว ก็เป็นเพียงทำเอกสารเท่านั้น ซึ่งไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ดังนั้นการสัมมนาจะนำรายละเอียดจากทุกภาคส่วนมาจัดทำเป็นเอกสาร เพื่อสรุปในมุมมองของทุกคนให้บอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทยสามารถรับรองได้

ศาสตราจารย์ ดร.รุธิร์ กล่าวว่า ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังมีศักยภาพ แต่จะต้องย้อนกลับมาดูว่าบางครั้งการเติบโตยังเป็นส่วนๆ โดยไม่ได้มองภาพใหญ่ ผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่ต้องการรื้อใหม่ แต่จะรื้อมากหรือน้อย ต้องดูผลของการสัมมนาวันนี้ ขณะนี้ทุกๆ คนมองที่ศักยภาพของท่าเรือแหลมฉบัง แต่เรื่องของชุมชนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมาเชื่อมโยงกับท่าเรือให้ได้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องไปด้วยกันได้ แต่ขณะนี้ขอจัดการในส่วนของท่าเรือก่อนและค่อยมาคุยกับชุมชนหรือผู้นำท้องถิ่นไปในรูปแบบไหนที่จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ด้าน เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ท่าเรือแหลมฉบัง จัดสัมมนารูปแบบเวิร์คช็อปร่วมกับ World Bank เพื่อเป็นการทบทวนรูปแบบการบริหารจัดการท่าเรือแหลมฉบัง ที่มีมานานแล้ว ดังนั้นเพื่อเป็นการทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา จึงได้จัดสัมมนาดังกล่าว เนื่องจากโลกมีความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงไปไกลแล้ว เช่น ระบบโลเจสติกส์ วันนี้เป็นโอกาสได้มาทบทวน จึงเชิญผู้ประกอบการท่าเทียบเรือในแหลมฉบัง ผู้เช่าพื้นที่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง และ World Bank มาให้ข้อมูล เพื่อนำข้อมูลมาสรุปเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังต่อไปในอนาคต

“โลกมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก ในเรื่องการขนส่งสินค้าเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ดังนั้นการจัดสัมมนาดังกล่าวเพื่อนำประสบการณ์จากทั่วโลก มาบอกกับท่าเรือแหลมฉบัง ควรจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เช่น กรีน เทคโนโลยี (Green Technology) โดยเฉพาะประเทศที่มีการพัฒนาแล้วมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพลังงานไปพอสมควรแล้ว แต่ท่าเรือแหลมฉบังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ท่าเรือแหลมฉบังจะต้องเริ่มพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้ก้าวหน้าไปสู่การเป็นท่าเรือสีเขียวในอนาคต และที่สำคัญโลกในอนาคตหากธุรกิจใดไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะทำธุรกิจได้ยาก” เรือโทยุทธนา กล่าว