วันพฤหัสบดี, มีนาคม 6, 2025
Latest:

นักวิ่งสายลุยไทย-เทศตบเท้าเข้าร่วมวิ่งเกาะล้านเทรล ครั้งที่ 3 กว่า 1,800 คน

ที่หาดแสม เกาะล้าน เมืองพัทยา (9 ก.พ.2568)บรรดานักวิ่งสายลุย จำนวนกว่า 1,800 คน เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งเกาะล้านเทรล ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง เป็นประธานในพิธีเปิด ร่วมด้วย นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย ปลัดเมืองพัทยา นายวรพต พงษ์พาลี ว่าที่ ส.อบจ.ชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการชุมชนเกาะล้าน เข้าร่วมพิธี

นายชูเกียรติ หนองใหญ่ นายกสมาคมวิ่งเมืองพัทยา กล่าวว่า สมาคมวิ่งเมืองพัทยา ร่วมกับเมืองพัทยา และชาวเกาะล้าน จัดการแข่งขันวิ่งเกาะล้านเทรล (Koh Larn Trail 2025) เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาให้กับเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ครั้งนี้เป็นปีที่ 3

สำหรับการแข่งขัน แบ่งประเภทเป็น 3 ระยะ คือ ระยะทาง 6 กิโลเมตร ประเภท ประชาชนทั่วไปชาย/หญิง ปล่อยตัวในเวลา 06.25 น. ระยะทาง 11 กิโลเมตร ปล่อยตัวในเวลา 06.20 น. แบ่งการแข่งขันออกเป็น 9 รุ่น ได้แก่ ประชาชนทั่วไปชายและหญิง รุ่นอายุระหว่าง 20-29 ปี รุ่นอายุ 30–39 ปี รุ่นอายุ 40–49 ปี ประชาชนทั่วไปชาย อายุ 50–59 ปี ประชาชนทั่วไปชาย อายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนทั่วไปหญิง อายุ 50 ปีขึ้นไป และระยะทาง 25 กิโลเมตร ปล่อยตัวในเวลา 04.00 น. แบ่งการแข่งขันออกเป็น 9 รุ่น ได้แก่ ประชาชนทั่วไปชายและหญิง รุ่นอายุระหว่าง 20-29 ปี รุ่นอายุ 30–39 ปี รุ่นอายุ 40–49 ปี ประชาชนทั่วไปชาย อายุ 50–59 ปี ประชาชนทั่วไปชาย อายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาชนทั่วไปหญิง อายุ 50 ปีขึ้นไป ทุกระยะทางคัทออฟที่เวลา 11.00 น. ผู้ชนะได้รับโล่รางวัลพร้อมเงินรางวัลและเหรียญที่ระลึกจากเมืองพัทยา

ในปีนี้ได้รับความสนใจจากนักวิ่งสายบู๊สายลุยเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมากถึง 1,800 คน แบ่งเป็นนักวิ่งที่เป็นคนในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวน 679 คน นักวิ่งจากจังหวัดต่างๆ จำนวน 842 คน และนักวิ่งชาวต่างชาติ จำนวน 279 คน สำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้คาดว่าสร้างรายได้ให้ท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยาและเกาะล้านมากขึ้น สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับคนในพื้นที่และภาพรวมของประเทศได้เป็นอย่างดี