“สืบจังหวัดชลบุรี”โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง ลากคอแก็งโจร ตระเวนลักแบตเตอรี่เสาสัญญาณมือถือ ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก สร้างความเสียหายหลายล้านบาท
ปฏิบัติการหักปีกแก็งโจรกรรมรายใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนต่อบริษัทมือถือหลายค่ายครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดชลบุรี นำโดย พ.ต.ท.พีระวัฒน์ วงศ์ทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมชุดปฏิบัติการฯจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ2, พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ,พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว ชลบุรี,พ.ต.อ.ภาสกร ไพรจิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี ,พ.ต.ท.สุวนัย พิทักษ์ รองผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.เศรษฐภุชงค์ มีกุล รอง ผกก.สสฯ, พ.ต.ท.พัลลภ หริ่งรอด รอง ผกก.สส.ฯ.ภ.จว.ชลบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอัศวิน อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 312/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 และนายอิบรอฮีม อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 313/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 โดยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ฯ”
สำหรับที่มา จนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ได้มีกลุ่มแก๊งคนร้าย ออกตระเวนลักทรัพย์แบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือหลายจุด เมื่อตรวจสอบขยายผลยังพบว่าในพื้นที่ข้างเคียง ได้แก่ ระยอง,ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯยังเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันด้วย
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตั้งแต่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ2, พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ,พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว ชลบุรี,พ.ต.อ.ภาสกร ไพรจิตต์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี ,พ.ต.ท.สุวนัย พิทักษ์ รองผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.เศรษฐภุชงค์ มีกุล รอง ผกก.สสฯ, พ.ต.ท.พัลลภ หริ่งรอด รอง ผกก.สส.ฯ.ภ.จว.ชลบุรี จึงสั่งให้ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดฯ เร่งดำเนินการสืบสวน จนรู้ตัวผู้กระทำความผิด จึงขออนุมัติออกหมายจับฯจากศาลจังหวัดพัทยา
ต่อจากนั้นได้ออกติดตามแกะรอย กระทั่งทราบว่าคนร้ายหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี จึงนำกำลังไปรวบตัวได้บริเวณลานจอดรถ รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ภายหลังการจับกุม พ.ต.ท.พีระวัฒน์ วงศ์ทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมชุดปฏิบัติการฯได้ควบคุมผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง จนนำไปสู่ผู้ร่วมขบวนการเป็นผู้รับซื้อแบตเตอรี่ โดยเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 95/2 หมู่ที่ 10 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมกับตรวจยึดแบตเตอรี่สำรองไฟได้จำนวน 7 ลูก อีกจุดเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 19/202 ซอยราษฎร์พัฒนา15 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร เป็นบ้านของนายเอกสิทธิ์ อายุ 48 ปี ตรวจยึดแบตเตอรี่สำรองไฟได้จำนวน 25 ลูก รวมทั้งสองจุด สามารถตรวจยึดแบตเตอรี่ไว้ได้จำนวน 32 ลูก
ทั้งนี้ เครือข่าย แก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผู้ต้องหา จำนวน 7 ราย ประกอบไปด้วย นายอัศวิน นายอิบรอฮีม นายนาวิน นายรุ่งอนัน นายศราวุธ นายปริวัฒน์ และ นายวีระวุฒิ ตรวจยึดของกลางเป็นแบตเตอรี่ รวมจำนวน 114 ลูก
ด้าน พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า แบตเตอรี่ลิเธียม ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ มีไว้สำหรับเป็นกระแสไฟฟ้าสำรองกรณี หากมีเหตุไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะทำงานจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่การใช้งานบริเวณเสาสัญญาณนั้นๆ ยังสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารได้ โดยในเสา 1 ต้น จะติดตั้งประมาณ 2-3 ลูก ราคาอยู่ที่ประมาณลูกละ 40,000 บาท แต่คนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการ หลังจากที่คนร้ายได้ลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้ว จะรีบนำไปส่งขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจร ในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาท เท่านั้น แล้วนำไปลงขายโซเชี่ยลตลาดมืด 12,000 – 14,000 บาท
การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี และหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์ อันมีลักษณะเป็นปกติ ธุระ หรือรับของโจร เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน อีกส่วนหนึ่ง ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์ในส่วนตัวกลางรับซื้อ รับจำหน่าย ได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้ว กว่า 1,000,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป