+บทความศาลไคฟง

มุบมิบ “โอเวอร์สเตย์”ฉาว! ปฏิบัติการ “ปิดใบบัว บนตัวช้าง”

งง… เป็นไก่ตาแตก!?!?

แหก…จารีตประเพณี!

ไม่รู้…ไปโดนตัวไหนมา?

ถึงได้..ปกปิด ปัดป้อง ปิดกั้น“นักข่าว”เป็นพัลวัน!

งานนี้พี่ขอ..อย่าลงข่าว!? ด้วยเหตุผล…. บลาๆๆๆๆ ตบท้ายวาทะกรรม “อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ”…เฮ้อ..เอ๋อไปซิครับท่าน

เจอมุขนี้เข้าไป ทำเอาเหล่า “หมาเฝ้าบ้าน” ยืนงงในดงกากี…

งานใหญ่นะวิ..แต่ถูกขอแกมบังคับ “ไม่มีผลดีกับประเทศชาติ” แปลไทยเป็นไทยได้ความว่า “พวกเมิงงงรูดซิปปากไปเลยห้ามเห่า ห้ามตีปี๊บ สังคมไม่ต้องรับรู้ผลงานผูกโบว์แดงของนายกู…”

แหม!ข่าวจับยาบ้า 2 เม็ด โทรจิกนักข่าวสายแทบไหม้ ข่าวจับวงไพ่-ไฮโล ยายแก่-ตาเฒ่าสี่ซ้าห้าคน ฝึกคณิตคิดเร็ว รีบไปเคาะประตูเรียกถึงบ้าน ข่าวหนุ่มโรคจิตขโมยสอยกางเกงในสาวโคโยตี้…ส่งเทียบเชิญทุกสำนักทางไลน์ให้มาทำข่าว..

แต่ด้วยเหตุไฉนใยเล่า… ข่าวตม.พัทยา-ตำรวจท่องเที่ยว-สภ.หนองปรือ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ยกโขยงบุกไปรวบชาวจีน 16 ครอบครัว

แยกแยะเป็นผู้ใหญ่ 32 คน เด็กโตอายุต่ำกว่า 15 ปี 31 คน และทารก 3 คน ซึ่งพำนักหลบซ่อนใน “ลอง เลค ฮิลล์ไซด์ รีสอร์ต” ท้องที่หมู่ 2 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันสิ้นเดือน 31 มีนาคมที่ผ่านมา

ข่าวใหญ่ระดับคับจอ แทนที่จะ “กระเหี้ยนกระหือรือ”เล่าแจ้งแถลงไข

กลายเป็นว่า ตำรวจ 2 หน่วยหลัก ตรวจคนเข้าเมือง และท่องเที่ยว กลับพยายาม “ปกปิด-รูดซิปสื่อ” ไม่ให้นำเสนอข่าวเท่ากับ ปิดหู-ปิดตาประชาชน!

อ้างเหตุ…“ไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ
ไล่ล็อบบี้นักข่าวกันขาขวิด!?!?

ทั้งที่ชาวจีนเหล่านั้น “โอเวอร์สเตย์” อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เกินเวลาที่กำหนด

กลิ่นแปลกๆ ทะแม่งๆ เหมือนแปรงขัดส้วมก็คือ ทุกคนมีพาสปอร์ต พร้อมกับพกบัตรประจำตัวผู้ลี้ภัย ออกให้โดย UNHCR (ประเทศไทย) ยกเว้นเด็กทารก มีเพียงใบรับรองการเกิด ออกให้โดยโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

UNHCR ย่อมาจาก United Nations High Commissioner for Refugees ก่อตั้งขึ้นวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2493 โดยสมัชชาแห่งสหประชาชาติ เพื่อช่วยเหลือชาวยุโรปพลัดถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นโครงการของสหประชาชาติ ทำหน้าที่คุ้มครองผู้ลี้ภัย ชุมชนที่ถูกบังคับย้ายถิ่นและบุคคลไร้รัฐรวมถึงอนุเคราะห์ให้ได้รับการส่งกลับประเทศเดิมด้วยความสมัครใจ การรวมเข้ากับท้องถิ่นอื่น หรือการตั้งรกรากใหม่ในประเทศที่สาม

ข้อปุจฉา… “แล้วพวกเจ้าได้บัตรนี้แต่ใดมา?”

ของแท้ หรือ ปลอม?

ติ๊งต่างว่า ใช่มันคือของจริง ไม่จกตา!!
ถามต่อว่า… มีคุณสมบัติข้อไหน…ผู้ลี้ภัย ผู้หนีภัย บุคคลไร้รัฐ ถูกบังคับพลัดถิ่น หรือพวก “เรฟูจี” ผู้อพยพหลบภัยสงคราม รอส่งต่อไปประเทศที่สาม

วิสัชนาคาใจ…ไม่มีข้อใดตรงปกเลย!!

งั้นบัตร “ปลอกคอ”อันนี้ออกมาเพื่อการอันใด? ใครเป็นผู้นำพาไปทำ สืบสาวไล่กันไปเป็นทอดๆ ไม่แน่นะอาจเจอหัวขบวนก่อการร้ายที่ใหญ่กว่า และเหนือกว่า “ทุนจีนสีเทา”หลายเท่าก็ได้… ใครจะรู้

ขอสะกิดสีข้างหน่วยงาน (ความมั่นคง)…ที่กำลังหลับใน ตื่นได้แล้ว!

หากเป็น บัตรเทียม-ทำปลอม ขึ้นมา หน้าที่ของผู้รักษากฏหมายบ้านเมือง ต้องสืบสาวราวเรื่องไปให้สุดซอย กระชากไอ้โม่งหลังฉากออกมาจากมุมมืดให้จงได้…

ใคร่ครวญคิด แบบคนเปลือกกะโหลกหนากว่าเนื้อสมอง ข่าว “โปลิศไทย” กระชากหน้ากาก ขบวนการปลอมบัตรผู้ลี้ภัยของสหประชาติ ดังกระหึ่มโลกขึ้นมา เชื่อเหอะว่า ผู้นำพญาอินทรีอย่าง “ โจ ไบเดน” อยู่ไม่ติด ต้องออกมากระพือปีกร่วมจิก สหบาทา “กระทืบ”ผู้ก่อการร้าย แล้วหันจับไม้จับมือกับผู้ก่อการดีอย่าง “Thai police” แบบชมชื่นระรื่นทรวง
หาใช่… จ้องบิด ปิดข่าว เอาใบบัวมาปิดทับตัวช้าง !!

อ้าง… ไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ ฟังยังไงมันก็ระคายขอบรูหู

ดูยังไงมันก็ “ย้อนแย้ง”นโยบายเบื้องบน!!
จำได้ เมื่อไม่นานมานี้ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นั่งหัวโต๊ะเรียกประชุมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา สั่งกำชับกำชาให้กวาดล้างแรงงานต่างด้าว รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้มีผลงานการปฎิบัติอย่างเข้มข้น

พอฟันเฟืองใหญ่ขยับ เฟืองตัวรองอย่าง พลตำรวจโท อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 เริ่ม “ไขลาน” กดกริ่งเรียกประชุมหัวหน้าสถานี ในเขตรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อกำชับจับโยง สานนโยบายของผู้บังคับบัญชา เน้นประเด็นหลักเกี่ยวกับ “ชาวจีน” ที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด

แต่ทว่า ผลงานนโยบายของนายใหญ่… กลายเป็นเรื่องโจ๊กตลกหน้าม่าน จับขำๆทำแบบไม่ขอตีปี๊บให้สังคมรับรู้…

แปลกว่ะ ขออนุญาตงง-ใน-งง กลางดงสีกากี..อีกที!

มีอะไรอยู่ในกอไผ่ อย่างนั้นหรือครับเจ้านาย? ถึงได้ออกอาการพะอืดพะอม เรอเหม็นเปรี้ยวกลางวงสื่อเยี่ยงนี้?

เดินกันทรงยี้ ตำรวจพื้นที่คือ สภ.หนองปรือ รู้สึกเครื่องแบบคับขึ้นมาทันที พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผู้กำกับการ สภ.หนองปรือ พ.ต.ท.ชุมพล แสนวิชัย รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม เพิ่งย้ายมาใหม่ มุ่งมั่นขยันทำงานเต็มที่ นำกำลังไปร่วมลุยด้วยจนจบงาน อาจยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง

ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หน้าที่หลักของ ตม. เสมือนเป็นยักษ์ปักหลั่น ยืนถือกระบองเฝ้าประตูบ้านประตูเมือง พร้อมแกะรอยอาชญากรรมข้ามชาติ

อีกหน่วยตำรวจท่องเที่ยว ชื่อนั้นชัดเจนอยู่ในตัว คอยให้บริการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและยังต้องตามดมกลิ่นผู้ไม่หวังดีที่อาจแฝงมาในคราบนักท่องเที่ยว ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรง

แต่ทำไม?ไม่รู้เรื่องชาวจีนกลุ่มนี้ จากข้อมูลพบว่า เข้ามาอยู่เป็นปีแล้วเพิ่งมาจับ แถมยังขอสื่อฯไม่ให้เป็นข่าว โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มันควรจะต้องตีเกราะเคาะกะลา ชูผลงานให้หน่วยงานของตัวเอง มันดูมุบมิบพิลึกกึกกือจริงๆครับ..

เปลาะปมขนมกรุบอีกเรื่องคือ ชาวจีนกลุ่มนี้มีใครเป็น “ไม้กันหมา”คอยช่วยเหลือดูแล มีใครเป็นผู้พามาพักอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนั้น เรื่องที่พากันมาเอง คงไม่ได้แน่นอน ขยายผลกันยัง?

ผ่านไปยังท่าน “บิ๊กโจ๊ก”พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยปรับจูนโฟกัสให้ชัดเจนปรากฏต่อสังคม

อย่าให้ “รอยเกวียน ทับรอยโค”เหยียบย่ำซ้ำรอย คดีทุจริตวีซ่านักเรียนทุนจีนสีเทา ไม่จบไม่สิ้น!

จะขันน็อต,ยกเครื่อง,ล้างบาง “เชือดไก่” หรือยอมจบแบบหมาหางด้วน…ว่ากันไป
ปล่อยไว้จะกลายเป็น “หมูเด้ง (ดิ้นได้) ในชามโจ๊ก” นะจ๊ะ

อั๋น พันดาว