วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
+การเมืองบทความเลือกตั้งพัทยา

เจาะ…ขุมกำลัง 4 ขุนศึก สมรภูมิเดือด เมืองพัทยา!

คิดไปก่อนว่า สุดท้ายแล้ว อารมณ์ก็คงไปได้แค่ “ซดแกงจืดในถ้วยใบเก่า” ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ… เหมือนครั้งก่อนๆ

ที่ไหนได้… “ยกสุดท้าย”ทำเอาอุณหภูมิในหม้อต้มฟัก ถึงกับเดือดพลัก พุ่งพล่าน

ดุดันมันยกร่อง ซี๊ดซ๊าดราวกับว่าเคี้ยวพริกลูกโดด…เร้าใจเสียยิ่งกว่าดูฉากแอคชั่น ระเบิดภูเขา-เผากระท่อม บนแผ่นฟิล์มหนังฮอลลีวูดเป็นไหนๆ

แซ่บ! จนคอการเมือง สำลักความนัวส์!!

เมื่อสี่ขุนศึก ว่าที่นายกเมืองพัทยา ยอมรับ “เทียบเชิญ”ลงสนามสัประยุทธ์ “ดีเบต”ประชันวิสัยทัศน์แบบเต็มวงชำแหละตัวเองชูนโยบายสาธยายตัวตนต่อสาธารณชน อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมเมืองพัทยา

เบียร์” ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ “กลุ่มเรารักษ์พัทยา” เบอร์1 “ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” อดีตนายอำเภอบางละมุง เจ้าของรางวัลแหวนเพชร ผู้สมัครอิสระ เบอร์ 2 “บ๊อบ”กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย “กลุ่มคณะก้าวหน้า”เบอร์3 และ สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร “กลุ่มพัทยาร่วมใจ”เบอร์4

สี่หนุ่มสี่มุม ผู้ขันอาสาเข้ามาลงชิงชัยตำแหน่ง “นายกเมืองพัทยา”ประมุขตึกแดงแห่งภาคตะวันออก!!

หน่วยก้าน ท่วงท่าแต่ละนาย ไม่เบาเชียวล่ะ!

ส่วนนโยบายแต่ละคนที่เปิดเวทีปราศรัย เท่าที่ฟังดูก็มีทั้งส่วนคล้าย,แตกต่าง,ฉีกแนว และโดดเด่น

เรื่องเดิมๆถูกหยิบยกมาเป็น “เรือธง”นำร่องหาเสียงแบบเคาะประตูบ้าน ปัญหาน้ำท่วม,ขยะ,น้ำไม่ไหล,ไฟไม่สว่าง ถนนหนทางถูกขุดไม่หยุดหย่อน การจราจรที่จลาจล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-ปากท้อง ของชนทุกชั้นไปยันรากหญ้า

นอกจากนี้ ยังชูความใสซื่อ ถือสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โชว์มุมมอง ทิศทาง วิสัยทัศน์ ด้านการพัฒนาบ้านเมือง ด้านการศึกษาด้านการสาธารณสุข และบริการประชาชน…

จะได้เห็นทุกครั้งในยามที่ ปี่กลองการเมืองโหมโรงดังกระหึ่มขึ้น ไม่ว่าจะระดับชาติ หรือท้องถิ่น สารพัน108ปัญหา มักถูกหยิบยกขึ้นมา จับตรึงขึงพืดบนแท่นบูชายัญ แล้วเฆี่ยนโบยตีกระหน่ำด้วย“แส้นโยบาย”อาวุธที่ใช้เรียกคะแนนนิยมในมือของนักการเมือง…

หากนโยบายใครเจ๋งเป้ง โดนใจประชาชี…ถือว่ามีชัยไปแล้วเสี้ยวหนึ่ง!!

สมรภูมิศึกเลือกตั้งเมืองพัทยาในครั้งนี้ก็เช่นกัน… ต่างกันแค่วางเดิมพันสูง ด้วยศักดิ์ศรี!!

ต่างฝ่ายต่างพกความมั่นใจกันแบบเต็มร้อย แถมยังสะกดคำว่า “แพ้”ไม่เป็นอีกด้วย !!

เบียร์”ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครเบอร์ 1 นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เลือดเนื้อเชื้อไขนักการเมืองโดยแท้ เขาสืบทอดและเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อ “สันตศักดิ์ จรูญ งามพิเชษฐ” อดีตนักการเมืองคนดัง ผู้ที่สร้างสมประสบการณ์ความดี ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางสายการเมืองมาหลายยุคหลายสมัยอย่างสง่างาม จวบจนท่านถึงวันสิ้นอายุขัย

เดอะเบียร์”งัดกลยุทธ์หาเสียงสไตล์ “มังกรเจ้าถิ่น”นำทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยาทุกเขตลุยเท้าเข้าหาชาวบ้านกราบขอคะแนนเสียงแบบเคาะประตูทุกชุมชนอย่างสม่ำเสมอ

ลูกขยันเดินกันแบบกำลังวังชาไม่มีตก หากเปรียบเป็นหน่วยรบ ต้องมีคำว่า“พิเศษ”พ่วงท้าย

ชูนโยบาย เน้นย้ำการทำงานแบบ 4 เป้าหมาย 15 นโยบาย สานต่อเนื้องานเดิมที่ “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา วางแนวทางไว้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และต่อยอดการพัฒนา ตามสโลแกน “Better Pattaya ต่อยอด ต่อเนื่อง เพื่อเมืองพัทยาที่ดีขึ้น” ยืนยันมุ่งทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่เน้นให้ร้ายป้ายสีโจมตีใคร ขอเดินหน้าพัฒนาเมืองพัทยา อย่างเดียว

ขณะเดียวกัน หากตรวจแถว ดูแนวรบ สรรพกำลังขีดความสามารถกันแล้ว ต้องบอกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ ขีปนาวุธ จรวดนำวิถี อาวุธหนัก-เบา เพรียบพร้อม “กระสุนดินดำ”เต็มอัตราศึก แถมยังมี “กลุ่มเรารักษ์พัทยา”เป็นแนวร่วมสำคัญ กระจายแทรกซึมอยู่ทั่วทุกหัวระแหง

พร้อมประจัญบานต่อทุกสถานการณ์เบื้องหน้า!!

สิ่งสำคัญ “การศึก”สมรภูมิใหญ่ในครั้งนี้มีบ้านใหญ่ “บิ๊กแป๊ะ”สนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็น “เสนาธิการ” หัวหอกคนสำคัญ จัดทัพปรับแผน วางหมากคูประตูกล หมายมั่นเจาะทะลุทะลวงคะแนนเสียง แบบทุ่มสุดตัวในศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่ปฏิเสธคำว่า “ปราชัย”อย่างสิ้นเชิง !!

ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 2 อดีตนายอำเภอคนดัง เจ้าของรางวัล “นายอำเภอแหวนเพชร” ก่อนที่จะกระโจนลงสนามเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง รองอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ก่อนตัดสินใจทิ้งชีวิตบั้นปลาย ลุยเดี่ยวเป็น “สิงห์คืนถ้ำ”ขอกลับมาอาสารับใช้พี่น้องชาวเมืองพัทยา ด้วยสายใยความรักและผูกพันกับชาวบ้านร้านถิ่นในพื้นที่ เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอบางละมุง

แต่การหวนคืนถิ่นเก่าในฐานะผู้ลงชิงนายกเมืองพัทยาของนายอำเภอแหวนเพชร กลับได้รับความสนใจจากสังคมไม่ใช่น้อยด้วยเพราะ“ข้ามาคนเดียว”ไม่ได้พ่วงผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยามาด้วยเหมือนทีมอื่น

หากจะเปรียบไปไม่ต่างจาก… “สไนเปอร์” มือระดับพระกาฬ คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง กล้าคิด กล้าทำ เฉียบคม สุขุม นุ่มลึก รอบครอบ เจนจัด รุก รบ จบไว โป้งเดียวไม่มีพลาด !

มา “คนเดียว”จะทำงานยังไง?

มา “คนเดียว”จะทำงานได้หรือ?

ข้อ “ปุจฉา”นี้ มีคำตอบในเฟสบุ๊คชื่อ “นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” แจงไว้ชัดเจน….

“…จากหลายกระแสที่ว่ามาคนเดียวจะทำงานยังไง บ้างก็ว่าไม่เลือก บ้างก็กลัวไม่มีทีมทำงาน มาฟังแนวคิดนี้ครับ…

กฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นทุกรูปแบบได้สร้างกลไกให้ฝ่ายบริหาร(นายกฯ)และฝ่ายนิติบัญญัติ(สมาชิกสภาฯ)แยกส่วนกันเพื่อถ่วงดุลตรวจสอบ ไม่ใช่ให้เป็นพวกเดียวกันแต่บุคคลที่เข้ามาทำงานการเมืองมักจะพยายามให้เป็นพวกเดียวกันจะได้สั่งได้ดังใจของฝ่ายบริหาร จึงทำให้เกิดเหตุพวกมากลากไป เอาพวกไม่ใช่เอาประชาชน ถ้าทุกคนเข้าใจระบบกฎหมายที่ออกแบบไว้แล้ว แม้มาคนเดียวมีความมุ่งมั่นเพียงพอ ย่อมสามารถทำงานเพื่อประชาชนได้ ตามกลไกของกฎหมายและองค์ปกครองท้องถิ่นจะเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง…

การมาเดี่ยวเป็นการเริ่มแรกของการเปลี่ยนแปลงระบบเก่าๆ ถ้านายกฯกับสม.เป็นฝ่ายเดียวกัน สั่งซ้ายได้ขวาได้อะไรจะเกิดขึ้น การสร้างโครงสร้างโดยการร่วมมือของทุกภาคส่วน นโยบายกำหนดมาจากพี่น้องชาวพัทยา มาจากผู้ประกอบการธุรกิจ องค์กรต่างๆในพัทยาเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันให้ตรงจุดถ้านโยบายมาจากของจริงที่ทุกส่วนต้องการ สม.เกเร คัดค้าน งานไม่เดิน ระเบียบราชการบริหารแผ่นดินมีทางออก ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเข้าตรวจงานราชการขัดข้องจากสม.เกเร ยุบสม.ให้เลือกตั้งเฉพาะ สม.ใหม่…

แต่นายกฯยังคนเดิม อยู่เหมือนเดิม ไม่ต้องเลือกใหม่ ถึงตอนนั้นทุกภาคส่วนจะรู้แล้วควรจะเลือกใครกลับเข้ามาเป็นสม.ใหม่อีกครั้ง ผมมองว่าอยู่ที่การรู้จักใช้เครื่องมือ ถ้ามาคนเดียวทำอะไรไม่ได้ มาเป็นนายอำเภอคนเดียว ไปเป็นผอ.สำนักกฎหมายคนเดียว ขึ้นไปเป็นรองอธิบดีคนเดียว คงไม่สามารถสร้างผลงานไว้มากมาย…”

อดีตนายอำเภอแหวนเพชรงัดแผนกลยุทธหาเสียงแบบเจาะเข้าถึงชาวบ้านในชุมชนและตัวผู้นำ ชูนโยบายที่จับต้องได้ ทำได้จริง ไม่มโน “4เปลี่ยน 10 สร้าง 1 ยั่งยืน” ชี้ให้เห็นปัญหาคั่งค้างมากมายที่ต้องได้รับการแก้ไขดึงทุกภาคส่วนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานเป็นทีม “Pattaya Power

ความโดดเด่นเห็นจะเป็นความสามารถเฉพาะตัว ด้วยความเป็น “มือประสานสิบทิศ” กับหน่วยงานส่วนกลางได้ในทุกด้านและทุกมิติ…

รัก…ศักดิ์ชัย เลือกไว้ใช้งาน อย่าเอาไว้ไหว้อย่างเดียว” ตบท้ายหยอดคำหวาน อ้อนขอคะแนนเสียง แบบมดรุมตอม!!

สำหรับ ผู้สมัครหมายเลข 3 “บ๊อบ” กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย จาก“กลุ่มคณะก้าวหน้า” เปิดตัวออกมา นับว่าอึกทึกครึกโครมทีเดียว เขาประกาศ “ทวงคืนพัทยา” ท้าชน“ซุปเปอร์ เซ็นเตอร์แบ็ค”อย่าง “บ้านใหญ่” เพราะพกความมั่นใจมาเต็มร้อยว่า “ข้าไม่ได้มาคนเดียว” และหาใช่ “จอมยุทธกระบี่เดียวดาย”แต่อย่างใดไม่…

เขาเปิดตัวพร้อมกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”กุนซือใหญ่ที่เปิดหน้าท้าชน ชกข้ามรุ่น !!

ภาพชินตา ในยามที่ออกท่องยุทธภพ พบปะพี่น้องชาวบู๊ตึ้ง เพื่อขอคะแนนเสียง มักจะปรากฏร่าง “ธนาธร” เจ้าสำนักคณะก้าวหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับ “บ๊อบ”ราวเป็นเงาติดตามตัวตลอดเวลา….

สองคนเดินชนฐานเสียง ชูนโยบายเน้นการสร้างเมืองพัทยาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ลดการขุดเจาะถนน ปัญหาน้ำท่วมขัง คุณภาพชีวิตผู้สูงวัย เรื่องสุขอนามัย การศึกษา ระบบขนส่งมวลชน เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ปัญหาการคอร์รัปชั่น

ความน่าสนใจคือการผลักดันให้มีการตรวจสอบโครงการเมกะโปรเจคต่างๆในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งใช้ “เม็ดเงิน”มหาศาล งบประมาณจากภาษีของประชาชนไปทำ แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

พูดให้ฟังง่าย ถ้าได้รับความไว้วางใจ ให้เข้าไปนั่งเก้าอี้นายกเมืองพัทยา เขาจะ“รื้อพรม”เก็บกวาดขยะที่ซุกซ่อนหมักหมมไว้ ออกมา!!!

หากเปรียบไปในสมรภูมิเดือดแห่งนี้ เขาเสมือนหน่วย “จรยุทธ์” รบนอกรูปแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนแผนยุทธการณ์และพร้อมซุ่มโจมตีได้ตลอดเวลา!!

รอลุ้นกันว่า!เสียงกู่ก้องร้องประกาศ “ทวงคืนพัทยา”จะได้ดั่งปากพระร่วงหรือไม่?

ผู้สมัครรั้งท้าย หมายเลข 4 “สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร” “กลุ่มพัทยาร่วมใจ” ฟังแค่ชื่อชั้นดูก็รู้ว่า “ไม่ธรรมดา” เขาเกิดและเติบโตในพื้นที่นาเกลือ บางละมุง เส้นทางเวียนว่ายคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงนักธุรกิจมานานกว่า 30 ปี จนได้นั่งตำแหน่งนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา 2 สมัย และยังเคยสวมเครื่องแบบสมาชิกสภาเมืองพัทยายุค คสช.แต่งตั้ง

คนเก่าคนแก่ในพื้นที่ รู้จักมักคุ้น ตระกูล “วัฒนศาสตร์สาธร”กันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ“ป๋านิรันดร์”พี่ชายคนโต อดีตนายกเมืองพัทยาคนแรก ที่มาจากการเลือกตั้งนายกฯเป็นครั้งแรกในปี 2547

การตัดสินใจ สวมชุดเกราะลงฟาดฟันศึกนี้ของสินธ์ไชย ผู้เป็นน้องชาย ทำให้ป๋านิรันดร์ที่เคยประกาศ“ล้างมือในอ่างทองคำ”หันหลังเลิกเล่นการเมืองไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน จำต้องต้องหวนกลับมาเป็น “ไม้ค้ำยัน”ช่วยน้องชายจ้ำพายแจวเรือจากริมฝั่ง ข้ามไปยังอีกฟากฝั่งฝันให้สำเร็จดั่งใจหมาย…

สินธ์ไชยมองว่า ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา เมืองพัทยา เติบโตเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง…จึงตัดสินใจอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหา ภายใต้สโลแกน “คนพัทยา เพื่อเมืองพัทยา”

สองแรงแข็งขันเดินหน้าตะลุยเคาะประตูบ้านขอคะแนนเสียงอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าน้องชายมีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มนักธุรกิจทำหน้าที่ควงสว่านเจาะคะแนนเสียงในระดับบน

ส่วน “ป๋านิรันดร์”ผู้พี่ ซึ่งมี “คอนเนคชั่น”สายสัมพันธ์แนบแน่น หลากหลายกลุ่มในทุกวงการ สามารถเจาะคะแนนเสียงทั้งระดับบน -กลางและล่าง โดยเฉพาะ“นาเกลือ”พื้นที่ยุทธศาสตร์ “ไข่แดง”เสมือนเป็นฐานที่มั่นคะแนนเสียงจุดสำคัญ ที่ต้องหวงแหนยิ่งกว่า“ไข่ในหิน”จะยอมให้ไข่แดงแตกเพราะโดนมือดีแอบดอดเข้าไปเจาะไม่ได้เด็ดขาด!

เปรียบไปคล้ายหน่วยรบ “กองร้อยอาวุธเบา” ที่ต้องเฝ้าตรึงฐานที่มั่น ไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ ระแวดระวังอย่าให้ถูกเจาะยางได้เป็นอันขาด ถึงแม้ “กระสุนดินดำ”จะน้อยกว่า แต่ “หัวใจ ใหญ่กว่าตับ” สมรภูมินี้ยอมถวายหัว สู้ยิบตา!

ส่วนนโยบายที่ชูดูแล้วเข้าท่า สินธ์ไชยเขาขันอาสามาเป็นหมอปั๊มหัวใจให้กับการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ฟื้นคืนกลับมาเต้นเร่าอีกครั้ง หลังจากสิ้นใจไปด้วยพิษโควิด มานานกว่า 2 ปีแล้ว เขามั่นใจว่าต้องทำได้ด้วยประสบการณ์

พร้อมกับชูแผนปรับขยายพื้นที่ “โซนนิ่ง”สถานบริการ สถานบันเทิง ให้ครอบคลุมทั้งเมืองพัทยา และขยายเวลาปิดไปจนถึงตี4 ดูแลผู้ประกอบการที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างกรณีการออกใบ SHA+ ที่มีการเรียกเก็บเงิน อย่างไม่ถูกต้อง

ขณะที่ การศึกษา คืออีกเรื่องที่ต้องเร่งพัฒนา เตรียมแผนเปิดโรงเรียนเมืองพัทยา 12เพื่อรองรับนักเรียนในระดับมัธยมปลายที่ปัจจุบันพบว่าสถาบันการศึกษาในพื้นที่ไม่เพียงพอต่อนักเรียน

ด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็จะเร่งการพัฒนา เพื่อรองรับการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางการลงทุนและการท่องเที่ยวของ EEC โดยเฉพาะการดึงกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาให้เพิ่มมากขึ้น

สุดท้าย นโยบายเร่งด่วน 9 ด้าน ที่จะเดินเครื่องภายใน 90 วัน หากได้รับการเลือกตั้ง อาทิ ปัญหาการขุดเจาะที่ต้องรื้อระบบและตรวจสอบการจัดซื้อ จัดจ้างใหม่ ปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาระบบสาธารณูปโภค อย่างน้ำประปา ที่พบว่าทุกวันนี้ยังมีชุมชนจำนวนมากประสบปัญหา…

สกู๊ปพิเศษ“เพียงทำหน้าที่ หยิบยกนโยบาย มาสาธายายแค่พอสังเขปเท่านั้น ส่วนรายละเอียดของแต่ละคนล้วนแล้วแต่ดูดี ชวนฟัง น่าอ่าน น่าคิด น่าติดตาม อย่างมีสติไตร่ตรอง…ทำได้จริง หรือไม่ หรือบางเรื่องเป็นเพียงแค่ “น้ำลาย ขายฝัน!”

วันอาทิตย์ที่ 22พฤษภาคม 2565…

ชาวเมืองพัทยาทุกคน ออกไปร่วมเขียนคำพิพากษา…

ตัดสิน ชี้ชะตา “อนาคต” ให้บ้านเมือง!