ร้านอาหารพัทยาพร้อมสนองนโยบาย ศบค.ห้ามนั่งกินในร้าน ครวญยอมเจ็บเพื่อให้จบ แต่วอนรัฐช่วยเยียวยาด้วย

ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีมติให้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ใน 6 จังหวัด รวมถึงจังหวัดชลบุรี ที่ให้ร้านอาหารในพื้นที่สีแดงเข้ม งดการนั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มภายในร้าน ให้ซื้อกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น และให้เปิดบริการได้ถึงเวลา 21.00 น. นับตั้งแต่วันที่ พ.ค.นี้เป็นต้นไป

ต่อมา ผู้สื่อข่าวออกตระเวนสำรวจความพร้อมของร้านอาหารต่างๆ ในเมืองพัทยา ต่อการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวของ ศบค. พบว่าทุกร้านต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการจัดเก็บโต๊ะเก้าอี้ ไม่ให้ลูกค้าเข้ามานั่งรับประทานอาหารภายในร้านได้

จากการเปิดเผยของ นายวรุตม์ชัย นันทสุรศักดิ์ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวนายต้น ระบุว่าหลังจากที่ร้านทราบมาตรการของ ศบค.ทางร้านก็จัดเก็บโต๊ะเก้าอี้ไปไว้บริเวณหลังร้าน เป็นการแสดงให้เห็นถึงการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการยกระดับความปลอดภัยในครั้งนี้ ยอมรับว่าในครั้งนี้ทางร้านได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เนื่องจากอาหารทางร้านเป็นประเภทก๋วยเตี๋ยวเป็นส่วนใหญ่ การซื้อใส่ถุงกลับไปทานที่บ้าน อาจจะทำให้อาหารไม่อร่อย และอาจจะไม่ใช่ทางเลือกในการรับประทานอาหารของลูกค้าในช่วงนี้ เพราะลูกค้าบางรายเคยชินกับการนั่งทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน จะมีความอร่อยมากกว่าการซื้อกลับไปทานที่บ้าน หรือบางคนจะแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก่อนออกไปทำงาน ซึ่งการซื้อใส่ถุง หรือซื้อใส่กล่อง จะไม่สะดวกสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้ ดังนั้นต้องเตรียมรับมือไว้ว่าลูกค้าจะหายไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน

นายวรุตม์ชัย กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นวันแรกทางร้านยังไม่สามารถที่คาดเดาได้ว่าจำนวนลูกค้าหลังจากปรับให้ซื้อกลับบ้านได้อย่างเดียวนั้นจะเหลือแค่ไหน จึงยังไม่ได้ลดในส่วนของวัตถุดิบ แต่วันรุ่งขึ้นคาดว่าจะสั่งของเอามาน้อยลง แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นมาตรการที่เคยดำเนินการมาก่อนในช่วงการระบาดระลอกแรก แต่ระลอกนี้ทำไมทาง ศบค.ยังไม่ออกมาระบุว่าจะมีการผ่อนปรนกันให้นั่งทานที่ร้านได้เมื่อไหร่ หรือจะยกเลิกมาตรการนี้ไปเมื่อไหร่ ทำให้เห็นว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรก

ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังของเมืองพัทยา อย่าง ร้านเจ๊โต ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ของ ศบค.ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และก๋วยเตี๋ยวหมู มานานกว่า 12 ปีในพื้นที่เมืองพัทยา นางไพรัตน์ พุทธรักษ์สกุล เจ้าของร้านเจ๊โต เปิดเผยว่า ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวรวมถึงคนในพื้นที่ไปกินก๋วยเตี๋ยวก่อนที่จะมีการยกเลิกการรับประทานที่ร้านก็ไม่ได้มากอะไรอยู่แล้ว แต่พอหลังถูกคำสั่งจาก ศบค.ชุดใหญ่ ให้งดการนั่งรับประทานที่ร้าน ออกมาแบบนี้ แน่นอนร้านได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะอาหารหลักของร้านคือก๋วยเตี๋ยว การซื้อกลับไปกินที่บ้านมันไม่อร่อยเหมือนนั่งกินที่ร้าน และยิ่งนักท่องเที่ยวหรือคนเดินทางจะกลับบ้านไปกินก๋วยเตี๋ยวอย่างไร ซึ่งตั้งแต่ในช่วงแรกทางร้านก็ได้ปรับลักษณะของภาชนะที่ใส่กลับให้ลูกค้า จากใส่ถุง มาเป็นชามพลาสติก พร้อมฝาปิดแยกน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องเดินทางไปต่อ สามารถเปิดรับประทานที่รถได้ แต่ก็ไม่ได้สามารถทดแทนรายได้จากการที่ลูกค้านั่งทานที่ร้านได้ ส่วนบริการอาหารแบบเดลิเวอร์รี่นั้นไม่สามารถมาทดแทนรายได้ที่หายไปจากการนั่งทานในร้านได้เช่นเดียวกัน

เจ้าของร้านเจ๊โต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางร้านไปกู้ยืมเงินจากธนาคารมาแล้วในช่วงโควิดระบาดระลอกแรก เนื่องจากต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าเช่าร้าน ค่าลูกน้อง ค่าวัตถุดิบต่างๆ มาระลอกนี้คิดว่าอาจจะต้องไปพึ่งธนาคารอีกรอบเพื่อสำรองเงินไว้ในยามฉุกเฉิน ส่วนตัวแล้วคิดว่าภาครัฐไม่น่าที่จะออกมาตราการแบบนี้มา เพราะคิดว่าประชาชนต่างก็กลัวกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างป้องกันตัวเองกันเป็นอย่างดี โดยทางร้านได้เข้มมาตรการของ ศบค.ในการเว้นระยะห่าง พนักงานทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย มีการตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์ลล้างมือบริการ มีจุดบริการวัดอุณหภูมิ ซึ่งการออกมาตรการแบบนี้มา ร้านอาหารได้รับผลกระทบแน่นอน ซึ่งไม่รู้ว่าใครจะมาดูแลร้านอาหารเหล่านี้ได้บ้าง จะปิดกิจการก็กลัวลูกน้องไม่มีรายได้ ร้านค้าที่มาตั้งร้านขายของในร้านก็ไม่มีรายได้ ไม่ได้กระทบเพียงแค่ที่ร้าน แต่กระทบเป็นวงกว้าง ช่วงนี้คงต้องแบกรับภาระกันไปก่อน แต่หากว่าไปไม่ไหวจริงๆ อาจตัดสินใจปิดร้านไปก่อนจนกว่าจะมีการประกาศให้รับประทานที่ร้านได้เหมือนเดิม.