ผู้ค้าดีใจคนใช้เงินก็ปลื้ม หลังรัฐบาลยืนยันเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนในแพ็คเก็จเดิม “เราชนะ-เรารักกัน-คนละครึ่ง เฟส 3”

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มเติม โดยรัฐบาลยืนยันเดินหน้าโครงการช่วยเหลือประชาชนในแพ็กเกจเดิม อาทิ โครงการเราชนะ คนละครึ่ง เรารักกัน หรือแม้แต่มาตรการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมา คือ เราผูกพัน ที่จะช่วยเหลือข้าราชการ อีกทั้งเตรียมมาตรการดึงเงินฝากที่มีอยู่ 5-6 แสนล้านบาท ออกมาใช้จ่าย ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และคาดว่าปลายเดือนพ.ค.จะดำเนินการเรียบร้อย และประกาศใช้ในเดือนมิ.ย.2564 โดยยืนยันรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณไว้ช่วยเหลืออย่างเพียงพอ

ทั้งนี้หลังจากที่มีการเคาะนโยบายช่วยเหลือประชาชนออกมาแบบนี้ ผู้สื่อข่าวออกสำรวจสอบถามความคิดเห็นของประชาชน ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านค้าและประชาชนทั่วไปต่างเริ่มมีความหวังในการเดินหน้าต่อไปในช่วงวิกฤตโควิดระลอก 3 โดยนางปรีชยา ดวงแก้ว แม่ค้าขายชนมไทยรายหนึ่ง กล่าวว่า สำหรับโครงการต่างๆที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ หรือโครงการเรารักกัน นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นยอดขายของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้เป็นอย่างดี โดยในโครงการเราชนะ หรือ เรารักกันนั้น พบว่าเป็นโครงการที่ภาครัฐออกมาดูแลประชาชนในเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้การจับจ่ายซื้อสินค้าของลูกค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับโครงการคนละครึ่งพบว่า จะต้องใช้เงินของลูกค้าครึ่งหนึ่ง และภาครัฐออกให้ครึ่งหนึ่ง ยอดขายจะไม่ดีเหมือน 2 โครงการล่าสุดพบว่ามียอดรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าวถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และจากกระแสข่าวว่าภาครัฐจะออกมาตราการมาช่วยเหลือประชาชนกับการเคาะโครงการช่วยเหลือประชาชนออกมาในเฟส 3 แบบนี้ คือว่าค่อนข้างดี และน่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้ดีอีกโครงการหนึ่ง

ด้านนางชาลี สีบานเย็น ผู้ประกอบการร้านเสื้อผ้า กล่าวว่า หลังจากที่ไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ทำให้ธุรกิจขายเสื้อผ้าได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าทางร้านขายเสื้อผ้าประเภทตามเทศกาลที่สำคัญๆ แต่เนื่องจากหลังโควิดเล่นงาน ทำให้กิจกรรมหลายกิจกรรมไม่สามารถจัดได้ ส่งผลยอดขายตกลงไปอย่างมาก เรียกว่าทุกเทศกาลแทบจะไม่คึกคัก แต่โชคดีที่มีโครงการเรารักกัน และเราชนะ เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดการตัดสินใจในการซื้อเสื้อผ้าง่ายขึ้น ซึ่งเสื้อผ้าที่ร้านขายราคาไม่แพงอยู่แล้ว ทำให้ทางร้านมียอดจากการขายให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการมากขึ้น กว่า 30 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิและมาใช้สิทธิกัน หลายคนตอนนี้ยอดเงินหมดแล้ว ทำให้ยอดขายตอนนี้ไม่ดีเหมือนเดิม แต่พอภาครัฐบอกว่าจะเคาะโครงการช่วยเหลอืประชาชนออกมาเป็นเฟส 3 ก็ใจชื้น และเตรียมลงเสื้อผ้าแบบใหม่ต้อนรับผู้ได้สิทธิ นอกจากนี้ในส่วนของร้านยังได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน เพียงสามารถนำบัตรประชาชนออกมาใช้สิทธิหลังได้ลงทะเบียนสำเร็จ ทางร้านก็ดำเนินการแนะนำแก่ผู้ที่ได้สิทธิให้ได้ใช้สิทธิอย่างถูกต้องอีกด้วย

ส่วนนายวินัย พลับนิล ประชาชนผู้ได้รับสิทธิเราชนะ และคนละครึ่ง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการเราชนะ ถือว่าตอบโจทย์ประชาชนที่ตกงานและได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่าสามารถนำเงินที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือ ในการจับจ่ายซื้อเครื่องอุโภคบริโภคได้เลย ไม่ต้องมีเงินในบัญชี ทำให้การใช้จ่ายซื้อสินค้าทำได้ง่ายขึ้น ส่วนโครงการคนละครึ่งนั้น ส่วนตัวคิดว่าไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากบางคนได้สิทธิคนละครึ่งก็ใช้ไม่หมด เนื่องจากไม่มีเงินในปัญชี เพราะการใช้เงินคนละครึ่งนั้น ภาครัฐออกครึ่ง และ ประชาชนออกครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าโครงการเรารักกัน หรือ เราชนะ เป็นการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง และดีใจที่จะมีข่าวดีในเฟส 3 ออกมา เพราะตอนนี้ถือว่าหลายคนลำบากมาก จะค้าขายอะไรก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินลงทุน และไม่มีลูกค้า