เล็งปรับแบบ นำสายไฟลงดินถนนวอล์คกิ้งสตรีท คาดเริ่มก่อสร้าง มิ.ย.นี้
นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา นายธนู สุรชัยสิขวิทย์ หัวหน้าแผนกจัดการงานโครงการก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้า คณะกรรมการสมาคมผู้ประกอบการร้านวอล์คกิ้งสตรีทพัทยา และที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา ร่วมสำรวจพื้นที่ การดำเนินการนำสายไฟลงดินถนนวอล์คกิ้งสตรีท หลังพบอุปสรรคท่อระบายน้ำเมืองพัทยาที่มีการวางไว้นานกว่า 20 ปี ขวางแนวทางการวางท่อรอยสายไฟใต้ดิน ทำให้ต้องมีการแก้ไขปรับแบบ
นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เนื่องจากการไฟฟ้ามีหนังสือถึงเมืองพัทยาในการขอเข้าพื้นที่ถนนวอล์คกิ้งสตรีท เปิดผิวถนนสำรวจสาธารณูปโภคใต้ผิวถนน รวมถึงสำรวจแนวทางท่อเดิมที่อยู่ใต้ผิวถนนนั้นอยู่ในตำแหน่งใดบ้างก่อนที่จะมีการนำสายไฟลงดินถนนวอล์คกิ้งสตรีท เนื่องจากที่ผ่านมาการไฟฟ้าไม่ทราบว่าแนวท่อขนาด 1.60 เมตร หรือที่เรียกว่าท่อยาง ซึ่งเมืองพัทยาได้รว่างท่อระบายน้ำไว้มานานกว่า 20 ปี ช่วงสมัยที่มีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียของเมืองพัทยาสมัยแรกๆ
ทั้งนี้หลังจากากรลงสำรวจพื้นที่ในครั้งนี้ ทางการไฟฟ้าจะนำผลที่ได้จากการสำรวจใต้ผิวถนนไปวิเคราะห์ศึกษาว่าจะสามารถนำท่อเดิมของเมืองพัทยาขนาด 1.60 เมตร ที่มีสภาพแข็งแรง ไปใช้ได้หรือไม่ ซึ่งหากสามารถนำท่อดังกล่าวไปใช้ได้ก็จะเกิดประโยชน์และไม่ส่งผลกะรทบต่อผู้ประกอบการวอล์คกิ้งสตรีท แต่หากไม่สามารถใช้ท่อได้ก็เร่งปรับรูปแบบการก่อสร้างเพื่อให้สามารถเข้าไปก่อสร้างไอย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้มีการตั้งคณะทำงานไว้แล้ว
ขณะที่ นายธนู สุรชัยสิขวิทย์ หัวหน้าแผนกจัดการงานโครงการก่อสร้างสายส่งและสถานีไฟฟ้า กล่าวว่า เดิมรูปแบบการก่อสร้างการดำเนินการสายไฟลงดินถนนวอล์คกิ้งสตรีท นั้นจะเป็นการเจาะดึงท่อที่มีระดับความลึก 1.50 เมตร ถึง 2 เมตร โดยการก่อสร้างนั้นจะเปิดผิวถนนภายใต้ถนนวอล์คกิ้งสตรีท จำนวน 30 จุดในการเจาะดึงท่อ ทั้งนี้มีการสำรวจพื้นที่ในครั้งนี้พบว่ามีท่อระบายน้ำของเมืองพัทยาขนาด 1.60 เมตร อยู่บริเวณกึ่งกลางถนน มีระดับความลึกอยู่ที่ไม่เกิน 1.50 เมตร ซึ่งท่อดังกล่าวเป็นอุปสรรคในการก่อสร้างระบบไฟฟ้า โดยเบื้องต้นการไฟฟ้าจะนำข้อมูลจากการสำรวจหน้างานนำไปศึกษาและปรับรูปแบบการก่อสร้างตามคำแนะนำของเมืองพัทยาในเรื่องของการนำท่อที่มีอยู่เดิมไปใช้ จะต้องมีการออกแบบอย่างไรให้สอดคล้องกับสภาพหน้างานจริง เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้างให้น้อยลงและความเสียหาระหว่างการขุดเจาะให้ลดลง
สำหรับการสำรวจออกแบบคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 1 เดือน และในเดือนมิถุนายน 2563 จะสามารถเปิดพื้นที่เข้าก่อสร้างได้ ซึ่งรูปแบบเดิมที่มีการออกแบบในการก่อสร้างจะใช้ระยะเวลา 4-5 เดือน ทั้งนี้หลังจากการปรับรูปแบบก่อสร้างใหม่จะทำให้ระยะเวลาในการก่อสร้างสั้นลง