ภาคธุรกิจ หนุน Lockdown เมืองพัทยา วอนประชาชนให้ความร่วมมือ
นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวถึงมาตรการปิดเมืองพัทยา หรือ Lockdown นั้น หากมองสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทั่วโลกก็มีหลายประเทศที่มีการ Lockdown และส่งผลให้การลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีประชาชนบางส่วนที่ถูกลิดรอนสิทธิในบางเรื่อง แต่ด้วยสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยุ่ในขณะนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของภาครัฐ หรือของภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันฝ่าฟันวิกฤตสถานการณ์นี้ไปให้ได้ การ Lockdown เมืองพัทยาในครั้งนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันแม้จะไม่ได้รับความสะดวกสาบายไปบ้าง แต่ผลที่จะได้รับคือการลดการแพร่เชื้อวัสโควิด-19ในเมืองพัทยา เพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองพัทยาลดลงและให้สถานการณ์กลับคืนมาโดยเร็ว
นายสินไชย กล่าวอีกว่า การ Lockdown เมืองพัทยา ดำเนินการควบคู่ไปกับการลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มเสี่ยงตามชุมชน หลังที่มีการปิดเมือง เพื่อแยกกลุ่มเสี่ยงออกมาเฝ้าระวังและดูแลรักษาตามขั้นตอน ซึ่งหลังจากมีการ Lockdown เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ทั้ง 8 จุดคัดกรองแม้จะพบปัญหาอุปสรรคเรื่องของการจราจรบ้างแต่ก็ดีกว่าการ Lockdown ครั้งแรก
ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวย้ำว่า การ Lockdown เมืองพัทยานั้นแม้จะมีความเข้มข้นในการคัดกรองลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 แค่ไหนก็อยู่ที่ประชาชนให้ความร่วมมือ หากประชาชนพบว่ามีไข้สูงมีความเสี่ยงก็ควรจะรีบเข้ารับการรักษา เนื่องจากการคัดกรองที่จุดตรวจก็ไม่ทราบผลทันทีว่ามีไข้แล้วจะเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19หรือไม่ เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวใช้ระยะเวลานานกว่าจะมีการฟักตัวหรือออกอาการ ซึ่งการLockdown เมืองพัทยานั้นเจ็บแต่จบ
ส่วนกรณีที่มีหนังสือคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี โดยนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ลงนามคำสั่งในฐานะประธานคณะกรรมการ ระบุว่าจังหวัดชลบุรีมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลง และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการฯให้กำหนดระยะเวลาในการบังคับใช้กฎหมาย 8 คำสั่งที่ออกประกาศไปก่อนหน้านี้ให้ไปไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้นั้น นายสินไชย กล่าวว่ากรณีนี้ภาครัฐเองควรจะต้องมองปัญหาออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนในเรื่องมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขและส่วนปัญหาทางด้านของเศรษฐกิจ ซึ่งหากมองด้านเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว เชื่อว่าประชาชนหรือแรงงานส่วนใหญ่เองก็คงยังที่จะไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนเดิมในช่วงแรก เนื่องจากธุรกิจจำนวนมากมีการปิดตัวลงและยังคงรอดูท่าทีก่อนจะเปิดดำเนินการใหม่
ทั้งนี้หากมองในมุมด้านของสาธารณสุขนั้น หากมีการปลดล็อคพื้นที่ตามคำสั่งที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายนนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเองอาจก็มีความกังวลในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะมีการกระจายกลับมาเหมือนเดิมหรือมากขึ้น เพราะจะมีการเปิดพื้นที่เมืองและเข้าออกปกติ ซึ่งอาจทำให้มีผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้การออกประกาศคำสั่งยกเลิกนั้นควรจะมีการประเมินสถาณการณ์ให้รอบคอบว่าก่อนสิ้นเดือนเมษายนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นอย่างไร การรักษา การป้องกัน การควบคุม และการคัดกรองนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยขนาดไหน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะ กรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ที่จะต้องมีการประเมินอย่างเข้มข้นในทุกระยะ
นายสินไชย กล่าวต่อไปว่าสำหรับคำสั่งที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ออกมานั้นภาคเอกชนมองว่าขณะนี้นั้นภาพรวมเรื่องของเศรษฐกิจได้ชะงักตัวไปแล้ว ด้วยเมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวและธุรกิจกว่า 90 % คือภาคการท่องเที่ยวและบันเทิงทั้งหมด ขณะที่ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นทั่วโลก จึงคิดว่าแม้จะมีการผ่อนคลายหรือยกเลิกประกาศควบคุมแต่คิดว่าการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจะยังคงไม่เกิดขึ้นหรือมีการเดินทางมาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนในช่วงเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติหรือชาวไทยก็ตาม ด้วยยังมีความกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสอยู่ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าจะมาแก้สถานการณ์ไว้ได้อย่างตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย หรือการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เพราะส่วนใหญ่ยังมีความกังวลและไม่มั่นใจ
อีกทั้งชลบุรีเองก็มีปัญหาผู้ติดเชื้อจำนวนมากแม้จะคลี่คลายลงแล้ว แต่ก็มีการเผยแพร่ข่าวสารออกไปสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากกลุ่มนักท่องเที่ยวจะเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งก็คงต่อเมื่อเชื้อไวรัสโควิด-19หมดไปและมียาที่รักษาหายขาดได้สถานการณ์จึงจะกลับมาสู่ภาวะปกติ.