รองโฆษกตร.ยันไร้สีกากีร่วมแก๊งค์ไล่ตื๊บหนุ่มซาอุฯ.พบประวัติเบี้ยวไม่ส่งคืนเช่ารถข้ามปี
จากกรณีเมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 3 มี.ค. เกิดเหตุทำร้ายร่างกายมีผู้บาดเจ็บเหตุเกิดภายในซอยเย็นสบาย ถนนพระตำหนัก พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยที่เหตุบริเวณหน้าร้านอาหารอาหรับ พบผู้บาดเจ็บเป็นชาวต่างชาตินอนแน่นิ่งอยู่หน้าร้าน สภาพมีบาดแผลถลอกตามร่างกายแขนซ้าย มีอาการที่กระดูก ทราบชื่อต่อมา คือ MR.NWAF ABDOLLAH M ALSHIHA อายุ 36 ปี สัญชาติซาอุดิอาระเบีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่ง รพ.บางละมุง ซึ่งจากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ และมีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้ มีกลุ่มชายไทย อ้างตัวเป็นตำรวจยศสารวัตรลงมือทำร้ายชายต่างชาติจนนอนแน่นิ่งอยู่ที่หน้าร้านอาหารนั้น
ต่อมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผย เกี่ยวกับคดีนี้เมื่อวันที่ 3 มี.ค.63 ว่าจากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าเมื่อวันที่ 1 ต.ค.62 นายธีรศักดิ์ ควินรัมย์ อายุ 40 ปี ได้เดินทางมา สภ.เมืองพัทยา แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 ก.ค.62 เวลาประมาณ 22.00 น. MR..ALSHIHA NWAF ABDOLLAH M อายุ 37 ปี สัญชาติซาอุดิอาระเบีย ได้มาเช่ารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ดำ ทะเบียน 1 กบ 5242 ชลบุรี ของนายธีรศักดิ์ โดยเช่าเป็นรายวัน ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 62 ซึ่งครบกำหนดเช่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ปรากฎว่า MR.ALSHIHA ไม่นำรถจักรยานยนต์มาส่งคืนให้กับเจ้าของและไม่สามารถติดต่อได้ จึงมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้น เมื่อวันที่ 2 มี.ค.63 นายธีรศักดิ์ เจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ให้เช่าพบ MR.ALSHIHA ซึ่งเช่ารถจักรยานยนต์แล้วไม่คืน จึงจะพามาที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อตกลงชำระเงินค่ารถจักรยานยนต์คันที่เช่าไปแล้วไม่นำมาส่งคืน แต่ปรากฎว่า MR.ALSHIHA ได้วิ่งหลบหนีแล้วเสียหลักล้มทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีนายสันติคุณ ศิริแสง เพื่อนของนายธีรศักดิ์ ที่วิ่งติดตามมาด้วย ใช้เท้าเตะเข้าที่ขาจำนวน 1 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้น MR.ALSHIHA ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางละมุง จากการสอบปากคำ นายสันติคุณ ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้เท้าเตะสกัดจริง
ส่วนผู้ที่ปรากฎในสื่อว่าเป็นตำรวจยศใหญ่คือ นายพันกร วิมลมุกข์ อายุ 53 ปี ได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จากการสอบปากคำทราบว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก นายธีรศักดิ์ ให้ช่วยตามหา MR.ALSHIHA จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามมาภายหลัง เมื่อนายพันกร มาถึงที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ จึงได้สอบถามว่าใครทำร้าย และได้ช่วยแจ้งโรงพยาบาล ส่งรถมารับผู้ถูกทำร้ายร่างกาย แล้วก็ได้ออกจากที่เกิดเหตุไป โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าตนเองเป็นตำรวจแต่อย่างใด และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีข่าวออกมาในลักษณะดังกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบได้ว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือแอบอ้าง หรือมีใครเป็นมาเฟียแต่อย่างใด โดยคู่กรณีของ MR.ALSHIHA ประกอบอาชีพ ให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ มีรถให้เช่าอยู่ 5 คัน ภรรยาประกอบอาชีพรับจ้างซักผ้า เพื่อนอีกคนมีอาชีพซ่อมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และในขณะนี้ MR.ALSHIHA ได้หลบหนีออกจาก รพ.บางละมุงไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวเพื่อสอบปากคำเป็นพยานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ขอให้ MR.ALSHIHA เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ฝ่ายใดผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กรณีที่มีการกระทำผิดต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งสืบสวน ติดตาม จับกุม ผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้ความเป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว