“ผกก.บ่อวิน” ทำเก๋ นำหนังสั้นแฉเหลี่ยมโจรออนไลน์ ฉายผ่านจอ SF Cinema หวังดึงสติประชาชนไม่ตกเป็นเหยื่อ

ตำรวจพลิกกลยุทธ์รู้เท่าทันเหลี่ยมโจรครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อ พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.บ่อวิน,พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ปิ่นรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.บ่อวิน,พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รอง ผกก.ป.สภ.บ่อวิน,พ.ต.ท.วีระ วัฒนาณรงค์ชัย สว.สส.สภ.บ่อวิน,พ.ต.ท.สุพรรณ ใจหาญ สวป.สภ.บ่อวิน พร้อมชุดปฎิบัติการชุมชนยั่งยืน สภ.บ่อวิน เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเย็น วันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ภายหลังจากร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บ่อวิน และโรงภาพยนต์เอสเอฟซีเนม่า จัดฉายหนังประชาสัมพันธ์กลโกงออนไลน์ ภายในโรงภาพยนตร์เป็นรอบปฐมฤกษ์ เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันเลห์เหลี่ยมมิจฉาชีพ ตามสโลแกน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และด้วยความปรารถนาดีจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำหรับกลยุทธ์รณรงค์ให้รู้เท่าทันภัยโจรออนไลน์ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมเปิดตัวโครงการดังกล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้แทนจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย เครือข่ายภาคเอกชน บริษัทน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า กต.ตร. และหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ ร่วมเปิดการรณรงค์ ภายใต้ชื่อ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” เนื่องจากปัจจุบันคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “คดีออนไลน์” ส่งผลสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ และความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างมาก แม้ว่าทางตำรวจจะพัฒนาระบบแจ้งความออนไลน์ หรือร่วมผลักดัน พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2566 แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน เพียงแค่ทำให้คดีลดน้อยลงเท่านั้น

ดังนั้น การที่จะป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ได้ดีที่สุด คือการสร้างความรู้ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์ จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งคณะทำงานสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีกิจกรรมโครงการรณรงค์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ นำข้อมูลแผนประทุษกรรมต่างๆ ของคนร้ายมาจัดทำเป็นสื่อเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชน จัดทำแบบทดสอบ และจัดโครงการอบรมครูไซเบอร์ อบรมให้ความรู้เรื่องภัยออนไลน์ให้กับผู้แทนจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ รวมทั้งสถาบันการศึกษา เพื่อนำไปเผยแพร่ให้บุคลากรในองค์กร ครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อลดปัญหาจากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์

สำหรับการรณรงค์“ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” เป็นความร่วมมือจากหน่วยงานระดับกระทรวง 20 กระทรวง หน่วยงานระดับกรม จำนวน 9 กรม หน่วยงานอิสระ 4 องค์กร กองทุนจำนวน 2 กองทุน ห้างสรรพสินค้า 4 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง สื่อมวลชน 11 แห่ง คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจระดับ กองบัญชาการ กองบังคับการ และสถานีตำรวจทั่วประเทศ ร่วมกับทุกภาคส่วนและ กต.ตร. ในการสร้างการรับรู้ ต้านภัยออนไลน์ โดยใช้ข้อความที่เป็นสาระเดียวกันทุกหน่วยงานเป็น “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” เพื่อสื่อสารข้อความดังกล่าวไปยังบุคลากรในหน่วยงาน ประชาชนที่มาติดต่อราชการ หรือลูกค้าที่มาใช้บริการหรือซื้อสินค้า พร้อมกันนี้ ยังร่วมกับภาคการศึกษา อบรมให้ความรู้ภัยโกงทางไซเบอร์ พัฒนาหลักสูตรการเตือนภัยไซเบอร์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและอายุ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต้านภัยไซเบอร์สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษาในสถานบันการศึกษา

ส่วนภาคสื่อสารมวลชน นำเสนอข่าวเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะรายละเอียดขั้นตอนการโกง เพื่อเป็นแนวทางการป้องกัน รวมทั้งสนับสนุนการเผยแพร่ข้อความ ข่าว รูป ป้ายประชาสัมพันธ์ เนื้อหาเกี่ยวกับเตือนภัยออนไลน์ระหว่างออกอากาศของช่องสื่อ และร่วมกับภาครัฐ ผลิตแอพพิเคชั่นไซเบอร์วัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ยังสั่งการให้ทุกกองบัญชาการระดมกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ทุกประเภท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2566 โดยเฉพาะบัญชีม้า ซิมม้า ที่เป็นต้นตอสาเหตุ ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเปิดบัญชีม้า ซิมม้า หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดจะมีโทษตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา ซื้อหรือขายบัญชีจะมีจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนมีข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดบัญชีม้า ซิมม้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที

ทั้งนี้ สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com หมายเลขโทรศัพท์ 08-1866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565-30 มิถุนายน 2566 พบว่ามีการรับแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน 287,122 คดี เฉลี่ยวันละกว่า 800 คดี รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 40,000 ล้านบาท

สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2.คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3.คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4.หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ 5.คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน หรือที่รู้จักกัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์