“บิ๊กเป้”กำชับจนท.ตม.ทั่วปท.เข้ม 4 นโยบายหลัก ขีดเส้น 3 เดือนจากนี้ ยอดต่างชาติโอเวอร์สเตจะต้องเป็นศูนย์
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการ สำงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวภายหลังจากการจัดสัมมนาหัวหน้าหน่วยตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ตม.ทีมสืบสวน จากทั่วประเทศ เมื่อไม่นานนี้ว่า เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ในไตรมาส 4 ปีนี้ในการเข้มมาตรการสนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเน้นหนักไปที่ 4 ประเด็น คือ
1. การตรวจคนเข้าประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจคนเข้าประเทศเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ และเมื่อมีคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในประเทศแล้วไปกระทำความผิด ได้สั่งการในการทำงาน เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดให้ได้ภายใน 7 วัน
2.การเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรารวมถึงการอนุญาตให้อยู่ในในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เรื่องนี้ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้มีความละเอียดและรอบคอบ หลังจากอนุญาตให้อยู่ต่อ จะต้องดำเนินการสุ่มตรวจทั้งประเภท วัตถุประสงค์ รวมถึงสัญญาและประเทศที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งหากพบการกระทำผิดให้เร่งดำเนินการเพิกถอนและส่งกลับทันที
3.โอเวอร์สเตย์(อยู่เกินกำหนด) ได้กำชับให้ 3 เดือนจากนี้ยอดโอเวอร์สเตย์จะต้องเป็นศูนย์ ด้วยหากคนต่างด้าวโอเวอร์สเตย์ในเมืองไทยถือเป็นหลักของอาชญากรรมและโอกาสที่จะไปกระทำความผิด มีแนวโน้มเป็นไปได้และจะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศในเรื่องของการท่องเที่ยว
ส่วนประเด็นที่ 4.จะเน้นในเรื่องของการวางแนวทางในการสืบสวนในปีงบประมาณต่อไป ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคม จึงจะต้องเร่งวางแนวทางตั้งแต่ตอนนี้ โดยเน้นในเรื่องของการสืบสวนจับกุม ขยายผลเครือข่ายการนำพาคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง รวมถึงคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำความผิดต่างๆ จนก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวม อีกทั้งในการสัมมนาดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้มอบแนวทางการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ สตม.ที่ว่า “ต้องขยัน” ซึ่งคำนี้คำเดียวการทำงานก็ประสบความสำเร็จ
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ เปิดเผยอีกว่า ส่วนแนวทางโอเวอร์สเตย์ ที่ได้กำชับให้ 3 เดือนจากนี้ยอดโอเวอร์สเตย์จะต้องเป็นศูนย์ นั้นหลังจากนี้ ตม.ทุกจังหวัดจะต้องไปดำเนินการตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง มาตรา 38 โดยจะต้องมีการรีเช็คไม่เพียงแค่ให้คนต่างด้าวแจ้งที่อยู่ตามมาตรา 37 รวมถึงเรื่องของการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องลงพื้นที่ไปรีเช็คสถานประกอบการ และจะต้องให้สถานประกอบการแจ้งการเข้าพักของคนต่างด้าว
ทั้งนี้เชื่อว่าในปีงบประมาณถัดไป เรื่องของฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตไม่ว่าเรื่องการกระทำความผิด บุคคลสูญหาย แล้วมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองช่วยติดตามจะใช้ระยะเวลาเพียง 1-2 วัน หรือไม่เกิน 24 ชั่วโมง ก็สามารถตามตัวมาได้ พร้อมทั้งให้ตม.ทุกจังหวัดบูรณาการร่วมโดยให้ไปจัดทำโครงการแล้วเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อนุมัติโครงการ เพื่อดึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมบูรณาการทำงานร่วม เพื่อให้เป้าหมายการปฏิบัติหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ต่อไป