ดาบแรกทวงคืน “บาลีฮาย” หักปีก “สกายเมาท์เท่น”
งามไส้…ไปทั่วหัวหาด!
ชาวบ้านร้านตลาด ถึงกับปาดเหงื่อ อ้าปากหวอ รอลุ้นขากรรไกรค้าง พูดไม่ได้ ไอไม่ดัง เห็นแล้วได้แต่ส่ายหัวเป็นพัดลมเบอร์5 กลอกลูกตาดำกลิ้งไปกลิ้งมา ปลงอนิจจัง วัฏสังขารา!!
ภาพฝูงหมาเห็นปลากระป๋อง… เสียงเห่าอ้อแอ้เหมือนหมาอมฮอลล์ กัดไม่เข้า แค่ดมๆแทะๆแล้วครางหงิงๆก่อนวิ่งหางชี้หนีไป…
ไม่มี อินทร์ พรหม ยมนา หน้าไหนกล้าแตะต้อง!!
เบ่งจนหนังย่น ชนขอบกะลา ประกาศศักดาไม่เกรงกลัวใคร ให้ชาวโลกรู้ว่ากูแน่ กูคับฟ้า กูของจริง ใหญ่กว่าปลาวาฬชุบแป้งทอดเกยแหลมบาลีฮายก็กูนี่แหละ!!
“สกายเมาท์เท่น”
สังคมเห็นแถกันจนสีข้างถลอกแล้ว ถึงกับไปไม่เป็น…ว่าเอายังไงกันดีกับเจ้าหน้าที่ “เกียร์ว่าง”มือไม่พาย แต่ดันเอาไข่ราน้ำถูพื้นทรายไปวันๆ
ความดื้อด้านของสถานบันเทิงเจ้านี้ เท่าที่ผ่านมามักตกเป็นข่าวขาประจำตามหน้าสื่อฯมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยข้อหาเดิมๆซ้ำๆทำจนชินชา ไม่ว่าจะแหกกฎเปิดเกินเวลา ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด งัดข้อ“อำนาจรัฐ” แบบไม่สนใจใคร ถึงแม้ว่าจะเคยโดนจับเป็นอาจิณ ถูกเช็คบิลสั่งปิดมาแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ผีก็ยังมีฤทธิ์ กลับฟื้นคืนหลุมมาหลอกมาหลอนได้อีก…
ไม่มีอำนาจใดที่จะหยุดยั้ง “ผับเถื่อน”แห่งนี้ได้!!
ถึงแม้ว่าพิกัด อาณาจักรบันเทิงเชิงเขาพระตำหนัก แหลมบาลีฮาย ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนโฉนดที่ดิน แปลงเลขที่83096 โดย “ศาลฎีกา”ได้มีคำพิพากษาตัดสินชี้ชัดลงมาแล้ว เมื่อ 4 เมษายน 2561ว่าที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งถือครองกรรมสิทธิ์ในนามของ บริษัทอาชาแลนด์ จำกัด นั้น บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์
ออกโฉนดโดยมิชอบ!
ในปีเดียวกัน เมืองพัทยา ในฐานะเจ้าบ้าน จึงออกหนังสือชงเรื่องไปยัง “กรมที่ดิน”ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน ตามมาตรา61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พุทธศักราช 2497
แต่เหมือน“เป่าสากกะเบือ!”เงียบเป็นป่าช้าวัดดอน!!
ความเกี่ยวพันกันระหว่างม้าผู้รุกราน กล่าวคือ บริษัทอาชาแลนด์ฯนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปปล่อยเช่ากับกลุ่มทุนธุรกิจภายใต้ชื่อ บริษัทไซน่าวานซิ เอ็นไวรอนเมนทัล โปรเทคชั่น ( ประเทศไทย) ตามสัญญาเช่าที่ดินและอาคาร สัญญาเลขที่019-003/2564 ลงวันที่25 มีนาคม 2564
พร้อมกับเนรมิต“สกายเมาท์เท่น” เด่นสง่าอลังการงานสร้างขึ้นมา หลังติดขุนเขา หน้าชนน้ำ กับลานจอดรถขนาดมหึมา!!
ต่อมาทาง อาชาแลนด์ ออกมาแจงสี่เบี้ยว่า สัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ในปีเดียวกัน โดยไม่ได้ให้ทาง สกายเมาท์เท่นต่อสัญญาอีกต่อไป เพราะผิดสัญญาเบี้ยวเงินค่าเช่า พร้อมกับได้ยื่นฟ้องทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง ต่อศาลจังหวัดพัทยาและศาลแขวงพัทยา เรียกร้องค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในการใช้ที่ดินและอาคาร ค่าเช่ายังติดค้างเป็นดินพอกหางหมูกว่าครึ่งล้าน รวมทั้งฟ้องขับไล่อีกด้วย
แต่ทาง สกายเมาท์เท่น ก็ยังยึดหลัก ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย!ไว้แน่น
แถมยังต่อเติมเสริมอาคาร ให้ใหญ่โตขึ้นไปอีก!
ล่าสุด เพิ่งจะโปรโมทเปิดตัวจัดคอนเสิร์ต ฉลองคลายล็อกโควิด หลัง “ศบค.”ไฟเขียวให้อาบอบนวด ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานบันเทิง กลับมาวิบวับกันได้ หลังจากถูกฝังกลบไปนานกว่า 2 ปี
เข้าเรื่อง มาว่ากันถึงประเด็นที่เป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์”
ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาศาลที่ 6504/2560 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 นัดฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ระบุว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ออกโฉนดเลขที่ 83096 ให้แก่ บริษัทอาชาแลนด์ จำกัด บริเวณปลายแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมีการถมดิน และหินลงไปเลยรอยกัดเซาะของน้ำทะเลและเขื่อน
จากการสอบสาระบบที่ดินดังกล่าว พบว่า พนักงานเจ้าหน้า ที่ย่อมทราบความเป็นมาของที่ดินเป็นอย่างดี แต่กลับพยายามรังวัดให้ตรงตามเนื้อที่ที่ปรากฏในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ โดยมิได้คำนึงถึงแนวเขตที่ถูกต้อง จึงถือเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบ
ในยุคของ พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นั่งในตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ได้ลงนามในหนังสือที่ ชบ 52313/3302 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 ถึงอธิบดีกรมที่ดิน โดยร้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 83096 หน้าสำรวจ 35409 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่มีสาระสำคัญสรุปได้ว่า “มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการออกโฉนดแปลงดังกล่าวว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งผลจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายย่อมไม่ผูกพันหน่วยงานของรัฐ
กรมที่ดิน จึงสามารถพิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 หรือพิจารณาส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูง สุดเพื่อประกอบการฟ้องร้องเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว อันเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ อย่าว่าแต่ “ถอดหลัก-ถอนหมุด” ยึดคืนแผ่นดินสาธารณประโยชน์ กลับมาเป็นสมบัติของชาติและของประชาชนเลย
“หะมอย”สักเส้นก็ยังไม่เห็นวี่แวว!?!?
เรื่องไปยังไง? ถึงขั้นตอนไหน? สะดุดตอตำตีนหรืออย่างไร? กรมที่ดิน แม่งานใหญ่ยังคงเย็บปากสนิท!ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ในสังคมที่ประชาชนสนใจใคร่รู้คำตอบ….
ขณะเดียวกัน สำนักการช่างเมืองพัทยา ได้นำหมายคำสั่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารไปปิด เพื่อให้ระงับยับยั้งการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กรณีที่กระทำโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตราย
กลับไร้ผล เหมือนไปยืนเยี่ยวรดหัวหลักหัวตอ!!
อัครมหาสถานบันเทิง ยังคงโชว์ศักดา “โนสน-โนแคร์” ในสายตาหมายคำสั่งของเมืองพัทยา มันเป็นได้แค่แผ่นกระดาษยุ่ยๆแผ่นหนึ่งที่ไร้ราคา เท่านั้น!!
เดินหน้า “ลุยถั่ว” ตีความตามกฏหมายศรีธนชัยแบบหน้าตาเฉย!!
“….แม้ว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดไปแล้วก็ตาม แต่กรมที่ดินยังมิได้ดำเนินการ โดยทางผู้เช่าถือโฉนดครอบครองและสัญญาเช่าถูกต้อง แต่จากการตรวจสอบรายละเอียด พบว่ามีพื้นที่ของอาคารกว่า 35 % มีแนวรุกเข้าไปในที่ดินสาธารณะเชิงเขาพระตำหนัก จึงได้ออกหมายประกาศคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ซึ่งทางผู้เช่าได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี ที่ปัจจุบันกำลังรอผลการพิจารณาอยู่ จึงถือว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ภาคธุรกิจฝ่าฝืนคำสั่งตามกฎหมายควบคุมอาคารที่ให้ระงับการใช้อาคาร รวมทั้งการฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่มีคำสั่งให้ปิดเป็นเวลา 30 วัน…” เจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยาท่านหนึ่งได้กล่าวเอาไว้…
งานนี้หากไม่แน่จริงคงทำไม่ได้ หรือไม่กล้าทำ…!?!?
แต่ในมุมชาวบ้าน เมื่อศาลท่านได้ไตร่สวนจนครบถ้วนกระบวนความแล้วตัดสินว่า เป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ดังนั้นสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการทำสัญญานิติกรรมใดๆ บนแปลงที่ดินดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะ และคงไม่ถูกต้องนัก
เฉกเช่น ดินเป็นพิษ หว่านเมล็ดพันธุ์ งอกเงยเติบโตขึ้นมาก็เป็นต้นไม้พิษ ส่งผลไปถึงลูกผล ก็ย่อมมีพิษเช่นกัน ไม่ต่างไปจาก ติดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดบิดเบี้ยวไปยันกระดุมเม็ดสุดท้าย..
อาชาแลนด์ รู้ว่าผิด แต่ก็ยังเอาที่ดินไปให้เช่าหาประโยชน์ ส่วน สกายเมาท์เท่น รู้ทั้งรู้ว่าที่มามันไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังดันทุรังอยู่ แถมยังต่อเติมเสริมสร้างอาคาร อย่างโนสน โนแคร์
โบราณว่า “ห่อหมก กับใบยอ ตะกร้อ กับรองเท้า ผีเน่ากับโลงผุ” ขนมผสมน้ำยาเข้ากันดีแท้!
กรมที่ดิน เพิกถอนโฉนดอย่างเดียวไม่พอ มันต้องพ่วงคดีอาญาไปด้วย…
ชาวเมืองพัทยา เหลือเพียงความหวังเดียวที่พอจะมองเห็นแสงรำไรจาก “คมดาบอาญาสิทธิ์”ในมือของ “เดอะเบียร์”ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยาคนใหม่ ที่ยืนกำดาบเล่มนั้นไว้อยู่ปลายอุโมงค์
เมืองพัทยา ไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งเพิกถอนโฉนด หรือย้ายหมุดที่ดินของใครได้แต่ท่านมีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ สั่งรื้อ สั่งเชือด มะเร็งเนื้อร้าย ที่มันเกาะกินปลายแหลมบาลีฮาย ได้อย่างเต็มพิกัด
ประเดิมเก้าอี้นายกฯ ช่วยตัดต้นโค่นตอ ขุดรากถอนโคนต้นไม้พิษ ให้หมดไป อย่าเหลือไว้ให้เป็นหน่อแนวแถวเชื้อ เหยียบย่ำหัวจิตหัวใจคนพัทยาอีกต่อไป ทวงคืนผืนแผ่นดินอันเป็นสมบัติของชาติ ให้กลับมาเป็นของประชาชนทุกคนโดยเร็ว…
“ดาบแรก” ต้องฟันให้หัวหลุดกระเด็น และเด็ดขาด