นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ ชี้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังทำไม่ได้ จากสองปัจจัยทำผู้ประกอบการอ่วมถ้วนหน้า แนะทางออกนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ ชี้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังทำไม่ได้ จากสองปัจจัยทำผู้ประกอบการอ่วมถ้วนหน้า แนะทางออก เพิ่มโอทีแทน

จากกรณีที่เครือข่ายแรงงานได้เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั้งประเทศในอัตรา 492 บาทเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น

ด้านนางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ 1 ใน 5 ของประเทศได้ออกมาแสดงความเห็นว่า แม้ผู้ประกอบการจะเห็นใจลูกจ้างจากผลกระทบราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นถ้วนหน้า แต่หากดูในแง่ของเวลาแล้วเชื่อว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระที่หนักมากเช่นกันทั้ง ในเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตซึ่งปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนราคาน้ำมันที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในภาคการขนส่ง เช่นเดียวกับส่วนประกอบอื่นๆที่ปรับขึ้นถ้วนหน้า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่างๆอย่างรุนแรง ขณะที่ภาคส่งออกยังต้องเจอปัญหาตู้สินค้าและเรือขนส่งสินค้าที่ดีเลย์อยู่ตลอดเวลา แต่หากถามว่าจำเป็นต้องขึ้นค่าแรงให้กับลูกจ้างหรือไม่ก็ต้องตอบว่าจำเป็นมาก เพราะตอนนี้ราคาของกินของใช้ปรับขึ้นหมดแล้ว เพียงแต่เราขอเวลาปรับตัวก่อนสักระยะเพื่อให้ทั้งภาคธุรกิจและแรงงาน รอดด้วยกันได้แต่หากให้ปรับขึ้นค่าจ้างตอนนี้ก็กลัวว่าสุดท้ายแล้วจะไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง

พร้อมกันนี้ นางฉวีวรรณ ยังได้เสนอทางออกในการปรับขึ้นค่าจ้างแรงว่า ทั้งลูกจ้างและแรงงานต้องเข้าใจตรงกันว่าการขึ้นค่าแรงเป็น 492 บาทในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่นายจ้างสามารถหาทางออกได้ด้วยการเพิ่มเวลาทำโอทีเพื่อให้ลูกจ้างได้มีรายได้เพิ่มขึ้น และนายจ้างเองแม้ต้องจ่ายมากขึ้นแต่ก็จะได้สินค้ามากด้วยเช่นกัน ขณะนี้ในส่วนของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่เองต้องหันมาใช้วิธีจ้างเหมาเพื่อให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างมากขึ้นและผู้ประกอบการได้สินค้ามากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ทำให้ลูกจ้างสามารถได้ค่าจ้างถึงหลักพันบาทต่อวันได้